องค์ประกอบต่างๆบนฉลากของขวดไวน์ที่คุณควรรู้
April 16, 2020
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงองค์ประกอบต่างๆบน “ฉลากของขวดไวน์” ที่คุณควรรู้ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน
1. ประเทศและภูมิภาค
ส่วนใหญ่แล้วฉลากบนขวดไวน์จะระบุถึงประเทศหรือภูมิภาคที่ผลิตอยู่ที่ด้านบนหรือด้านล่างของฉลาก ถ้าเกดิฉลากไม่มีเขียนชื่อประเทศหรือชื่อภูมิภาค อาจเป็นเพราะว่าผู้ผลิต เลือกที่จะเขียนชื่อสถานที่เฉพาะในการผลิตไวน์ที่ไร่องุ่นนั้นตั้งอยู่ โดยทั่วไปแล้วถ้าฉลากสถานที่แหล่งผลิตยิ่งเฉพาะเจาะจงมาก ไวน์นั้นจะยิ่งดีและมีมูลค่าสูงกว่า ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ Grand Cru ของ Le Montrachet, Burgundy ที่บนฉลากเขียนว่า ‘Le Montrachet’ จะมีราคาสูงกว่าไวน์ที่ฉลากเขียนว่า ‘Grand Vin de Bordeaux’ ซึ่งไม่ได้เจาะจงไร่องุ่นเฉพาะและอาจเอาองุ่นของหลายๆที่มาผสมกัน
2. ชื่อของผู้ผลิต
ชื่อของผู้ผลิตส่วนใหญ่จะอยู่บนหน้าฉลากเสมอเช่นเดียวกับแหล่งที่ผลิตไวน์ โดยอาจมีผู้ผลิตบางรายที่อาจจะใส่รายละเอียดต่างๆลงไป เพื่อสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์มากขึ้น
3. ชนิดองุ่น
รสชาติและกลิ่นของไวน์จะมีความแตกต่างกันโดยจะขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่ใช้ในการผลิต แต่ถ้าบนขวดไวน์นั้นไม่ได้ระบุชื่อขององุ่นแต่ละชนิดที่ใช้ในการผลิตไวน์ นั่นอาจหมายความว่า ไวน์นั้นใช้องุ่นหลายชนิดมาผสมกัน
4. ปีที่ผลิต
สามารถบ่งบอกได้ถึงคุณภาพและรสชาติของไวน์ได้ ไวน์บางปีอาจสภาพอากาศที่ไม่ดี เลยส่งผลทำให้รสชาติของไวน์ ในบางกรณีอย่างเช่นไวน์ Rioja ฉลากที่เขียนว่า ‘Riserva’ จะบ่งบอกถึง vintage ที่มีคุณภาพ แต่ในกรณีทั่วไปแค่เพิ่มคำว่า ‘Reserve’ลงบนฉลากซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไร ใส่ไปแค่เพื่อการตลาดเท่านั้น
5. ระดับแอลกอฮอล์ในไวน์
ไวน์แดงนั้นจะมีระดับแอลกอฮอล์เฉลี่ยอยู่ 13.5% ส่วนไวน์ขาวจะมีเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าไวน์แดงเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไป ABV ยิ่งสูงระดับแอลกอฮอล์ในไวน์สูง body ของไวน์ก็จะสูงตามไปด้วย ABV ระหว่าง 12.5% ถึง 13.5% ถือว่าเป็นไวน์ medium-bodied. และไวน์ที่เกิน 13.5% ถือว่าเป็นไวน์ full-bodied. อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วไวน์ที่ ABV สูงกว่า 15% จะถือว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพต่ำ
บทความโดย Wineman Thailand
อ่านบทความเรื่อง รักษาไวน์อย่างไรให้ไม่เสียรสชาติ