fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

เปิดตำนานจ้าวแห่งไวน์ฝรั่งเศส Chateau Mouton Rothschild

August 17, 2020

ตระกูล Rothschild เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป ทั้งในเรื่องการเงิน มูลนิธิต่างๆ ไปจนถึงเรื่องของไวน์ ซึ่งเป็นเจ้าของวินยาร์ดดังๆ ทั่วฝรั่งเศส โดยหนึ่งในนั้นคือ Chateau Mouton Rothschild ซึ่งเป็นเจ้าของไวน์ Chateau Mouton Rothschild ในตำนาน ที่ราคาสามารถพุ่งสูงเป็นหลักล้าน เจ้าของบอร์โดซ์เบลนด์สุดคลาสสิค ยิ่งเอจจิ้ง ยิ่งสุดยอดครับ


ไวน์แนะนำ



ประวัติความเป็นมาของ Chateau Mouton Rothschild

มีความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่ปี 1853 ที่ Baron Nathaniel de Rothschild ท่านผู้ดีแห่งคฤหาสน์ Rothschild ที่ต้องการผลิตไวน์ของตัวเองเพื่อใช้ในงานสังคม บริการแขกต่างๆ จึงซื้อพื้นไร่ที่ข้างเคียงที่มีชื่อว่า Château Brane-Mouton บริเวณ  Pauillac ซึ่งอยู่ใจกลางพื้นที่ Médoc แห่งแคว้นบอร์โดซ์ และจึงชื่อใหม่ให้เป็น Chateau Mouton Rothschild

ซึ่งในปีต่อๆ มามีการพัฒนาไวน์ในแบบที่ล้ำหน้าผู้ผลิตไวน์จ้าวอื่นๆ ไปหลายก้าว ตั้งแต่การออกแบบฉลากไวน์ ไปจนถึงสร้างพื้นที่จัดเก็บไวน์ที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมออย่าง Grand Chai (Great Barrel Hall) ซึ่งมีความยาวถึง 100 เมตร โดยภายในปี 1933 Baron Philippe ได้เข้ามาดำเนินกิจการต่อ สร้างแบรนด์ร่วมชื่อ Baron Philippe de Rothschild SA ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ส่งออกไวน์บอร์โดซ์รายใหญ่ที่สุดเลยครับ

ความสำเร็จครั้งใหญ่ของ Chateau Mouton Rothschild เกิดขึ้นเมื่อปี 1973 เมื่อ Château Mouton Rothschild ได้รับดีกรีวินยาร์ดระดับ Premier Cru Classé (Classified First Growth) เป็นครั้งแรก หลังจากชวดมาอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อปี 1855 ยิ่งทำให้ไวน์ของ Chateau Mouton Rothschild เป็นที่หมายตาของคอไวน์ตัวจริงยิ่งขึ้นครับ 

จนมาถึงปัจจุบัน Chateau Mouton Rothschild ยังสามารถดำเนินกิจการภายใต้ชื่อเดิม บริหารโดยตระกูล Rothschild เช่นเดิม ซึ่งตั้งแต่ปี 2014 กิจการถูกส่งต่อไปสู่ 3 พี่น้องตระกูล Rothschild ได้แก่ Camille Sereys de Rothschild, Philippe Sereys de Rothschild และ Julien de Beaumarchais de Rothschild ที่ดำเนินสืบสานตำนานแห่งไวน์ Rothschild ด้วยความรัก และหวงแหนศิลปะแห่งการผลิตไวน์ของบอร์โดซ์ครับ 

พื้นที่ของ Chateau Mouton Rothschild

วินยาร์ดของ Chateau Mouton Rothschild ตั้งอยู่ในหนึ่งในพื้นที่ปลูกองุ่นที่ทรงมูลค่าที่สุดในโลก ขนาดประมาณ 560 ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบอร์โดซ์ ที่ขอบของแหลม Médoc ในพื้นที่ Pauillac terrior ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ ไม่ว่าจะมาจากแม่น้ำหรือละอองน้ำที่พัดมาจากชายฝั่งทะเลครับ

ทางด้านสภาพพื้นที่ จะเป็นพื้นที่เนินเขาขนาดเล็ก สร้างเนินดินที่ไม่ค่อยลาดชันนัก ทำให้ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว แต่ก็ทำให้องุ่นได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ไปพร้อมๆ กัน สภาพดินจะอุดมไปด้วยกรวดและหินมน ที่ซึมซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี แถมดินยังเป็นดินเหนียวและดินทราย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินที่แย่…. สำหรับการปลูกพืชพันธุ์อื่นๆ นอกจากองุ่น ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ตระกูลเถา สามารถอยู่รอดในสภาพดินที่มีเอกลักษณ์ ได้องุ่นที่รสชาติดีเยี่ยมและเป็นเอกลักษณ์มากๆ เลยครับ

ไวน์ของ Chateau Mouton Rothschild

ลักษณะของรูปแบบไวน์ Chateau Mouton Rothschild จะไม่ได้มีความหลากหลายเหมือนกับผู้ผลิตหลายๆ คน ที่ต้องการตีตลาดให้กว้างขว้าง แต่ Chateau Mouton Rothschild ต้องการรักษาคุณภาพ และรสชาติอันดั้งเดิมของไวน์ ซึ่งจะแบ่งเป็นไวน์ 3 รูปแบบเท่านั้น แต่จะมีวินเทจน์ให้เลือกหลากหลายมาก ขึ้นชื่อเรื่องไวน์เบอร์โดซ์เรดเบลนด์คุณภาพเยี่ยม รสชาติดั้งเดิม ซึ่งหลายๆ คนอาจจะรู้จักแบรนด์นี้ ในฐานะที่เป็นเจ้าของหนึ่งในไวน์ที่แพงที่สุดในโลก อย่าง Jeroboam Chateau Mouton-Rothschild 1945 ซึ่งมีราคาแตะขวดละ 2 ล้านบาท! ตีราคาเป็นแก้วละ 4 แสนบาทโดยประมาณ!

แต่หากคุณไม่มีเงินขนาดนั้น ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะ Chateau Mouton Rothschild ก็มีไวน์ขวดอื่นๆ ที่คุณสามารถจับต้องได้

Château Mouton Rothschild, 2000 

ไวน์แดงเบลนด์ระหว่าง Cabernet Sauvignon 86% และ Merlot 14% (ปริมาณการเบลนด์จะขึ้นอยู่กับผลผลิตในปีนั้นๆ ครับ ซึ่งบางปีอาจมีการเบลนด์ Cabernet Franc และ Petit Verdot ลงไปด้วยครับ) ซึ่งเป็นปีที่มีผลผลิตดี ได้ไวน์เข้มข้น มีสีแดงเข้ม full-body มีกลิ่นชื้นๆ ของเฟิร์น ดินดำ ไปจนถึงแยมผลไม้ และลูกพรุน พร้อม tannin ละมุนนุ่ม โครงสร้างของไวน์ก็แข็งแรง เทียบได้กับวินเทจน์ปี 1986 ซึ่งก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กันเลยครับ

Le Petit Mouton de Mouton Rothschild, 2012

เป็นไวน์ตัวที่ 2 ของ Château Mouton Rothschild ซึ่งถูกปลูกในวินยาร์ดใกล้เคียงที่มีชื่อว่าวินยาร์ด Le Petit Mouton de Mouton Rothschild ซึ่งจะเป็นสไตล์เดียวกับไวน์ตัวแรก แต่จะมีรสชาติที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยปี 2012 เป็นปีที่มีอากาศที่สุดขั่ว เพราะมีหน้าหนาวที่หนาวเย็น และหน้าร้อนที่ร้อน แถมยังมีฝนเยอะ ทำให้ไวน์ที่ได้ในปีนี้มีรสชาติจัดจ้าน โดดเด่น full-body ด้วยโน้ตผลไม้ เชอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ ชัดเจน ไปจนถึงเครื่องเทศ วานิลลา ลงท้ายด้วยโน้ตของแร่ธาตุค้างในปาก

Aile d’Argent, 2018

เป็นไวน์ที่ใหม่ที่สุดของ Château Mouton Rothschild เป็นไวน์ขาวรสชาติเข้มข้น ผลิตจาก Sauvignon และ Sémillon โดยในปี 2018 เป็นปีที่มีสภาพอากาศรุนแรง ฝนตก ลูกเห็บ ทำให้ได้ไวน์ขาวที่สีเข้มกว่าปีอื่นๆ มีโครงสร้าง tannin ชัดเจน และรสชาติเข้มข้น แต่ก็ยังมีรสชาติอันแสนสดชื่นของซิตรัสฟรุ๊ต และพีช แต่ก็ยังมีโน๊ตอ่อนๆ ของเทียนสัตตบุษย์ หินเหล็กไฟ แอบซ่อนกลิ่นอ่อนๆ ของผลไม้เขตร้อน เครื่องเทศ ขิง และพริกไทยขาว

วินเทจน์ที่ดีของ Château Mouton Rothschild: 2019, 2018, 2017, 2016, 2015, 2014, 2012, 2010, 2009, 2008, 2006, 2005, 2003, 2000, 1996, 1995, 1986, 1985, 1982, 1961, 1959, 1955, 1953, 1949, 1948, 1945, 1929, 1928 และ 1900

จับคู่ Château Mouton Rothschild กับเมนูโปรดของคุณ

สำหรับ Château Mouton Rothschild และ Le Petit Mouton de Mouton Rothschild จะเหมาะกับการทานคู่กับเนื้อสัตว์ที่มีความหนักๆ และมีกลิ่นเฉพาะตัวหน่อย เช่นเนื้อลูกวัว หมู เนื้อวัว แกะ เป็ด เนื้อสัตว์ป่า ไก่ สไตล์การทำอาหารที่เข้าที่สุดคือการย่าง นอกจากนั้นยังเหมาะกับอาหารเอเชีย เช่นอาหารจีนที่มีมันเยอะๆ ไปจนถึงเนื้อปลาที่มีเนื้อแน่นๆ หน่อยเช่นแซลม่อน หรือทูน่าเป็นต้น

ส่วน Aile d’Argent เหมาะอย่างที่สุดสำหรับซีฟู้ด ตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ ปู ล๊อบสเตอร์ และสำหรับวินเทจน์ที่รสชาติเข้มข้นหนักแน่นหน่อย ก็จะเหมาะกับไก่ เนื้อลูกวัว หมู และชีสครับ

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ