fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

เจาะลึกไวน์ออสเตรเลีย… ว้าวกว่าที่คุณคิด!

August 10, 2020

ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งโลกจะประจักษ์กับความสามารถในกระบวนการผลิต ‘ไวน์ออสเตรเลีย’ ในเรื่องของจำนวน ซึ่งสามารถผลิตได้สู่สีกับอาเจนติน่าเลยทีเดียว ทั้งโลกต่างตกหลุมรัก Shiraz ของออสเตรเลีย…. แต่ทำไมหลายคนยังคงมองข้าม ‘ไวน์ออสเตรเลีย’ พร้อมตีกรอบว่าเป็นไวน์เกรดดี ราคาจับต้องถึง แต่ก็ไม่ได้มี wow factor เหมือนกับที่อื่นเท่าไหร่ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำให้หันมามองไวน์ออสเตรเลียในมุมใหม่ ที่แน่นอนว่า “ว้าว” กว่าเดิมแน่นอน!


ไวน์แนะนำ



ประวัติศาสตร์ Australian wine

การผลิต ‘ไวน์ออสเตรเลีย’ (Australian Wine) เริ่มต้นขึ้นเมื่อชาวยุโรปมาเหยี่ยบแผ่นดินออสเตรเลียครั้งแรกในช่วงปี 1788 หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Australian Settlement ซึ่งวินยาร์ดแรกๆ ถูกตั้งโดยผู้ว่าการ Arthur Phillip ซึ่งนำพันธุ์องุ่นมาปลูกบริเวณพื้นที่เพาะปลูกใกล้เคียงกับกรุงซิดนีย์ ซึ่งเป็นดั่งตัวจุดประกายให้มีการสร้างวินยาร์ดต่างๆ ขึ้นเช่น Hunter Valley, Barossa Valley และ Yarra Valley ในปี 1890 ต่อๆ ไปนั้นเองครับ

จนกระทั้งในปี 1950 เป็นช่วงที่ชาวเยอรมันและอิตาลี่ ย้ายเข้ามาตั้งรกรากในออสเตรเลียเยอะมากโดยเฉพาะในพื้นที่ Barossa และ Riverina ทำให้มีการค้าขายไวน์ในเชิงพาณิชน์เป็นวงกว้างมากขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้ fortified wine กลายเป็นไวน์ยอดนิยมในประเทศออสเตรเลีย ด้วยความที่สะดวกต่อการขนส่งอีกด้วยครับ

ซึ่งต่อมาในปี 1960 ไวน์หวานอื่นๆ สปาร์คกลิ้งไวน์ ไปจนถึงไวน์แดง full-body ก็ค่อยๆ มีชื่อเสียงตามๆ กันครับ ทำให้ความนิยมของ Shiraz และ Cabernet Sauvignon พุ่งขึ้นสูงมาก และต่อมาในช่วง 70s ความนิยมของสปาร์คกลิ้งไวน์เริ่มถดถอย ทำให้ Chardonnay เริ่มเข้ามาครองตลาดในที่สุดครับ

มาจนถึงปัจจุบัน ไวน์เป็นธุรกิจพันล้านในออสเตรเลีย ดันให้การท่องเที่ยว และศิลปะวัฒนธรรมของทั้งภูมิภาคเพิ่มมูลค่ามากขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยครับ

องุ่นใน ‘ไวน์ออสเตรเลีย’

เนื่องจากออสเตรเลียไม่มีพันธุ์องุ่นท่องถิ่น องุ่น 100 เปอร์เซ็นต์จึงมาจากสายพันธุ์ของทวีปยุโรป ทั้งฝรั่งเศส อิตาลี่ และสเปนเป็นหลักเลยครับ โดยสายพันธุ์ที่สามารถปลูกที่ออสเตรเลียได้อย่างดีเยี่ยมคือ สำหรับไวงน์แดงประกอบไปด้วย Shiraz, Cabernet Sauvignon, Grenache, Mourvèdre และ Pinot noir

ส่วนไวน์ขาว ที่ถึงแม้จะได้รับความนิยมช้ากว่า แต่ก็มีการปลูกที่หลากหลายครับ ตั้งแต่ Chardonnay, Riesling, Sauvignon blanc และ Semillon

แต่ตอนนี้องุ่นพันธุ์รองในออสเตรเลียก็เริ่มโดยไฮไลท์ในเรื่องคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไวน์จากเขตเมดิเตอร์เรเนียนอย่าง  Tempranillo, Sangiovese, Verdelho และ Viognier ไปจนถึงองุ่นที่น่าค้นหาอย่าง Saperavi จากรัสเซีย

Australian Shiraz … ไม่ใช่ Syrah

แต่หากถามว่าองุ่นพันธุ์ไหนที่เป็นตัวชูโรงให้ไวน์ออสเตรเลีย แน่นอนว่าคำตอบนั้นมีเพียง 1 เดียวนั้นก็คือองุ่น Shiraz ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นจากฝรั่งเศส โดยชื่อแท้แต่เดิมทีคือ Syrah แต่ออสเตรเลียจะเป็นที่เดียวที่เรียกว่า Shiraz จนกระทั้งออสเตรเลียเริ่มผลิต Shiraz อันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ แถมปลูกได้เยอะมาก ถึงขนาดเทียบเคียงกับฝรั่งเศสได้ จนผู้ผลิตในประเทสอื่นเริ่มหันมาเรียก Syrah ว่า Shiraz  อันเป็นแผนการตลาดนั้นเองครับ โดยเสน่ห์ของ Shiraz ที่ทั้งโลกตกหลุมรักคือเป็นไวน์ full-body ที่ดื่มคล่อง มีรสชาติแข็งแกร่ง จัดจ้าน และจบด้วยรสหวานอ่อนๆ พร้อมโน้ตของเบอร์รี่และพลัม สดชื่นตามแบบฉบับไวน์เขตร้อนเลยครับ อย่าง Cranswick Estate Shiraz, 2018 ก็เริ่ดนะครับ รสชาติเข้มข้นจริงๆ

การแบ่งระดับที่แสนง่ายของ ‘ไวน์ออสเตรเลีย’

เป็นระบบเฉพาะของ ‘ไวน์ออสเตรเลีย’ ที่เรียกว่า Langton’s Classification ที่ถูกตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1988 โดยผู้ค้าไวน์ออสเตรเลียที่มีชื่อว่า Langton จนมาถึงตอนนี้เป็น 7th edition ที่เพิ่งมีการปรับใช้เมื่อประมาณปี 1990 โดยจะแบ่งไวน์ออกเป็น 3 กลุ่ม

Exceptional – ระดับสูงสุดของไวน์ออสเตรเลีย สื่อถือการผลิตที่พิถีพิถัน มีคุณภาพ และรสชาติไวน์ที่บ่งบอกชัดเจนถึงสถานที่ที่ปลูก มีไวน์ที่เข้าเกณฑ์นี้ทั้งสิ้น 22 ขวด

Outstanding – บ่งบอกถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยม นำเสนอพื้นที่ และไร่ได้ดี มีไวน์ที่เข้าเกณฑ์นี้ทั้งสิ้น 46 ขวด

Excellent – เป็นไวน์ที่แสดงถึงคุณภาพที่ดีอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่นิยม และรสชาติชัดเจน  มีไวน์ที่เข้าเกณฑ์นี้ทั้งสิ้น 68 ขวด

แผนผัง Australian Wine

คงไม่มีพื้นที่ไหนที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นได้เท่ากับออสเตรเลีย ที่นอกจากจะดูเหมือนว่าเป็นผืนแผ่นดินที่แตกแยกออกมาจากส่วนอื่นๆ ของโลก ยังเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายสูงมากที่สุดที่หนึ่งในโลก ตั้งแต่เทือกเขาแอลป์ออสเตรเลียบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ที่มีอากาศหนาวเย็น ไปจนถึงทะเลทรายที่ครอบคลุม 18% ของออสเตรเลีย อีกทั้งยังมีพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนบริเวณ New South Wales และ Queensland อีกด้วยครับ

ด้วยการณ์นี้ พื้นที่ที่สามารถปลูกองุ่นในออสเตรเลียจึงค่อนข้างจำกัดครับ สามารถปลูกได้ส่วนมากในบริเวณ South Australia และ Victoria และสามารถปลูกได้ในบางพื้นที่ของ New South Wales, Tasmania และ Western Australia

South Australia

เป็นพื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของไวน์ อันเป็นที่ 1 ในออสเตรเลียเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งสามารถแบ่งพื้นที่เพาะปลูกหลักๆ ได้ 6 พื้นที่หลักๆ ดังนี้ครับ

1. Barossa

แบ่งออกไปได้อีก 2 พื้นที่ ได้แก่ Barossa Valley และ Eden Valley นับว่าเป็นพื้นที่ที่ผลิต Syrah คุณภาพเยี่ยม จนทำให้ไวน์ออสเตรเลียสามารถขึ้นไปเฉิดฉายบนเวทีโลกได้ ตั้งอยู่ใจกลางของออสเตรเลียใต้ ตามแถบเทือกเขา Mount Lofty Ranges

Syrah ที่ได้จาก Barossa Valley จะมีรสชาติที่ทรงพลัง เต็มไปด้วยโน้ตของแบล็คเบอร์รี่  เคอเร็นท์แห้ง และโมคา ผสมกลิ่นอ่อนๆ ของใบยาสูบ ดินเหนียว และซุปเนื้อ Tannins สูง แต่ก็สมดุล ไม่ได้หยาบกระด้างครับ

ส่วน Eden Valley จะอยู่สูงกว่า Barossa Valley จึงจะได้ Syrah ที่รสชาติหรูหรากว่า acidity สูงกว่า และมีโน๊ตของผลไม้ที่อ่อนโยนกว่าครับ นอกจากนั้นยังสามารถผลิตไวน์ขาวชั้นเยี่ยมจาก  Riesling ได้อีกด้วย

Rockford – ถือว่าเป็นผู้ผลิตใน Barossa ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นไม่กี่จ้าวที่ยังคงวิธีสุดคลาสสิคในการผลิตไวน์ด้วยการใช้ตะกร้าไม้หนักๆ กดและบดลงไปที่องุ่นก่อนทำการหมัก ได้ไวน์แดง light ไปจนถึง medium body รสหรูหราของเบอร์รี่สีเข้ม พร้อมความซับซ้อนของกลิ่นเกาลัด พร้อม tannin ที่ละเอียดอ่อน ทำให้ในปีล่าสุดถูกจัดว่าเป็นำไวน์ระดับ Exceptional เลยทีเดียวครับ

2. Mount Lofty Ranges

ผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมได้มากมายตั้งแต่ Cabernet Sauvignon ไวน์แดงรสทุ้มนุ่ม ไปจนถึงไวน์ขาว Dry และมีกลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้ จาก Riesling และไวน์ขาวเบลนด์รสหรูหราจาก Chardonnay และ Sauvignon Blanc ซึ่งมีพื้นที่ย่อย 2 พื้นที่ที่ปลูกองุ่นได้ดีเยี่ยม ได้แก่ Adelaide Hills และ Clare Valley

Adelaide Hills เป็นพื้นที่ที่มีเนินเขาสูง สวยงาม แถมยังเต็มไปด้วยองุ่นคุณภาพเยี่ยม ซึ่งจะเน้นองุ่นที่ชอบอากาศหนาวหน่อยอย่างเช่นองุ่นขาวรสหรูหรา เฉียบคมอย่าง Chardonnay และ Sauvignon Blanc

Clare Valley เป็นพื้นที่ติ่งที่ยื่นออกมาจาก Mount Lofty Ranges จึงดูค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ที่แปลกแยกจากที่อื่นหน่อยครับ ซึ่งสามารถผลิต Riesling ที่ทั้ง Dry หอมหวาน คุณภาพดีที่สุดในออสเตรเลียเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังสามารถผลิตไวน์แดงเบลนด์จาก Cabernet Sauvignon และ Cabernet Sauvignon-Merlot ได้รสชาติที่ซับซ้อน เข้มข้นอีกด้วยครับ

3. Fleurieu

เป็นพื้นที่ที่อยู่ต่อออกมาจาก Mount Lofty Ranges แบ่งออกเป็นพื้นที่ราบระหว่างหุบเขา และพื้นที่หุบเขาสูงที่เรียกว่า Langhorne Creek และ McLaren Vale มีอากาศที่ร้อนและองุ่นจะได้สัมผัสแสงอาทิตย์โดยตรง ปลูก  Shiraz และ Cabernet Sauvignon ได้ดีเยี่ยมทั้งคู่ โดยจะได้รสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก โดยไวน์จากพื้นที่นี้จะมีความเข้มข้นของรสชาติที่เต็มไปด้วยโน้ตหนักๆ อย่างชะเอมเทศ, เนื้ออบ, โมค่า, ตะกั่วดำ ไปจนถึงสมุนไพรแปลกๆ ต่างๆ เลยครับ

4. Limestone Coast

เป็นพื้นที่ที่อยู่ทางใต้ที่สุด มุ่งเน้นในการปลูก Cabernet Sauvignon ชั้นเยี่ยม ซึ่งมีรสชาติผลไม้สีดำชัดเจน ผสมผสานกับโน้ตของใบยาสูบ มิ้นท์ และเครื่องเทศนานาชนิด ซึ่งก็มีผู้ผลิตบางจ้าวที่เน้นไวน์คุณภาพเยี่ยม ราคาค่อนข้างสูงเช่น Coonawarra และ Wrattonbully เป็นต้น

5. Riverland

หากนับตามปริมาณการผลิตแล้ว พื้นที่ Riverland เป็นพื้นที่ที่ปลูกองุ่นมากที่สุดในออสเตรเลียใต้ โดยผลผลิตส่วนมากจะมุ่งเน้นไปที่ Shiraz และ Cabernet ที่มีโน๊ตของควัน และใบยาสูบ เป็นไวน์ที่ดื่มคล่อง ราคาย่อมเยาว์ ดื่มได้ทุกวัน ทุกโอกาส

6. Far North

พื้นที่ทางเหนือของ Adelaide หรืออาจสามารถเรียกได้ว่าพื้นที่ Southern Flinders Ranges เคยเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย แห้งแล้ง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะปลูกองุ่นขึ้น จนกระทั้งปี 1865 เริ่มมีการปลูก Shiraz ไปจนถึง Sangiovese และ Tempranillo ซึ่งเป็นองุ่นที่ชอบอากาศร้อนในช่วงกลางวัน แต่หนาวเวลากลางคืน รสชาติไวน์สดใส acidity สูง ได้โน๊ตของผลไม้สีแดงชัดเจน

Victoria

ตั้งอยู่ใกล้กับเมลเบิร์น มีอากาศหนาวชื้น เป็นพื้นที่ผลิตไวน์ในออสเตรเลียได้มากที่สุด มุ่งเน้นในการผลิตไวน์ดื่มคล่อง ราคาย่อมเยาว์ ผลิตเป็นจำนวนมากๆ ซึ่งก็เป็นไวน์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการดื่มแบบ daily-drinking แต่ในบรรดา commercial wine ทั้งหลายก็มีพื้นที่ที่มุ่งเน้นผลิตไวน์ที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ

  • Mornington Peninsula – มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นจึงมุ่งเน้นในการปลูกองุ่น cool climate ซึ่งมีรสชาติอ่อนละมุน ที่เป็นที่น่าจับตามองมากๆ ในตอนนี้ เพราะสามารถ Pinot noir ที่มีคุณภาพได้สำเร็จ รวมไปถึง Chardonnay, Pinot gris และ Tempranillo ได้อีกด้วย
  • Yarra Valley – เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่สามารถปลูก Pinot Noir ได้ เนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็น แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดใน Yarra Valley คือ Chardonney รสชาติสะอาด คมกริบ เหมาะกับการใช้ทำสปาร์คกลิ้งไวน์เป็นที่สุดเลยครับ นอกจากนั้นยังสามารถปลูก Cabernet Sauvignon ได้อีกด้วยครับ

New South Wales

ผู้ผลิตส่วนมากใน New South Wales จะมาจากพื้นที่ Big Rivers Zone ทำการผลิตไวน์ Chardonnay และ Shiraz เชิงพานิชย์ เน้นความคุ้มค่าของสินค้า แต่ในบรรดาการผลิตแบบเน้นปริมาณ ก็มีพื้นที่อันน่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะครับ

Hunter Valley – ผลิตไวน์ที่ดีที่สุด และแพงที่สุดใน New South Wales ตั้งแต่ไวน์ขาวกลิ่นหอมรสชาติสดชื่นจาก Chardonnay และ Semillon นอกจากนั้นยังขึ้นชื่อเรื่อง Shiraz รสชาติดั้งเดิมแบบฉบับไวน์ออสเตรเลีย ที่เป็นไวน์แดง full-body ที่ให้รสชาติไม่หนักเกินไป

Brokenwood – ผู้ผลิตตัวท๊อปของ Hunter Valley ผลิตไวน์ Shiraz ดีกรี Exceptional ได้สำเร็จจนได้ ด้วยรสชาติอันเข้มข้นของแบล็คเบอร์รี่ และเทียนสัตตบุษย์ ผสมผสานกับโน้ตอ่อนๆ ของดอกไม้และสมุนไพรนานาพันธุ์ ทำให้ไวน์มีคุณสมบัติหอมขึ้นจมูก ในขณะที่รสชาติก็ยังหนักแน่น ลงตัว จนได้ชื่อว่าเป็น Shiraz ที่ดีที่สุดใน New South Wales เลยครับ

Western Australia

เป็นภูมิภาคที่ค่อนข้างใหญ่ แต่พื้นที่ที่สามารถปลูกองุ่นได้เกือบทั้งหมดจะกระจุกตัวกันอยู่ทางใต้ของภูมิภาคครับ ซึ่งหากเทียบกับทางฝั่งใต้หรือ Victoria แล้ว พื้นที่ฝั่งตะวันตกจะผลิตไวน์ได้น้อยกว่า แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่อง ไวน์คลาสสิคจาก Chardonnay และ Cabernet Sauvignon ไปจนถึงไวน์ขาวหรือเบลนด์จาก Semillon และ Sauvignon Blanc ด้วยครับ

Margaret River – ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ที่มีกลิ่นอายของเมดิเตอร์เรเนี่ยน เช่นไวน์สไตล์ฝรั่งเศส หรืออิตาเลี่ยน ขึ้นชื่อเรื่อง Cabernet sauvignon รสชาติเข้มข้น ไปจนถึง shiraz อันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ รวมถึงไวน์ขาวที่ไม่ได้หาดื่มได้ง่ายๆ ในออสเตรเลีย เช่น Verdelho และ Sauvignon blanc ครับ

Leeuwin Estate – ผลิตไวน์ขาว Chardonnay หนึ่งเดียวในพื้นที่ออสเตรเลียตะวันตกที่ได้รางวัลระดับ Exceptional มาหมาดๆ เป็นไวน์ขาวรสชาติหรูหรา ที่มีโน้ตผลไม้หอมสดชื่นของเกรปฟรุ๊ต และเมล่อน ผสมผสานกับรสสัมผัสอันครีมมี่ และ acidity ที่ลงตัวอันได้รับมาจากแร่ธาตุต่างๆ ครับ

Tasmania

เป็นพื้นที่ที่หลายๆ คนมักมองข้าม หรือหลงลืมว่าสามารถผลิตไวน์คุณภาพได้เช่นกัน ซึ่งเป็นพื้นที่เกาะที่อยู่ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย เป็นพื้นที่ป่าร้อนชื้นที่อุดมไปด้วยแม่น้ำและบ่อน้ำ แถมมีอากาศที่หนาวอีก เป็นเกาะที่มีเอกลักษณ์ทางภูมิศาสตร์มากที่สุดที่หนึ่งในโลกทีเดียวครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครคิดว่าจะสามารถปลูกองุ่นที่เกาะที่มีสภาพพื้นที่แบบนี้ได้สำเร็จ จนปี 1950 ก็มีการค้นพบว่าดินของ Tasmania มีส่วนผสมของดินภูเขาไฟและหินอัคนี ทำให้สามารถปลูกองุ่นได้อยากดีเยี่ยมครับ

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกือบ 50% ขององุ่นที่ Tasmania ปลูกจึงเป็น Pinot noir รองมาด้วย Chardonnay, Sauvignon blanc และ Pinot Gris

Tamar Valley เป็นวินยาร์ดที่สามารถผลิตไวน์ได้มากที่สุดใน Tasmania สามารถปลูก Pinot noir และ Pinot grigio ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้นยังสามารถปลูก Chardonnay, Riesling,  Cabernet sauvignon และ Cabernet franc ได้ดีอีกด้วยครับ

ดินแดนใต้สุดอย่างออสเตรเลีย ก็มีไวน์ท๊อปเกรดแบบที่หาตัวจับได้ยากแอบซ้อนอยู่นะครับ ไปจนถึงไวน์ราคาย่อมเยาว์ดื่มทานคู่กับอาหารมื้อโปรดได้แบบทุกวันก็ไม่เบื่อ เรียกได้ว่าตอบทุกโจทย์ของคอไวน์เลยครับ ห้ามมองข้ามเป็นอันขาดนะครับ!

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ
preloader