fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

ไวน์ Sonoma (โซโนมา) ธรรมดาที่ไหน!?

July 29, 2020

ไม่เป็นไวน์มวยรองอีกต่อไป! เพราะตอนนี้เราจะส่องสปอร์ตไลท์ลงไปที่ไวน์โซโนมา… ไวน์แคลิฟอร์เนียสุดคลาสสิคที่มักถูกลืม! หลายคนเปรียบเทียบ Sonoma ว่าเหมือนเป็น Poor-man version ของนาปาวัลเล่ย์… แต่หากคุณเป็นคอไวน์ที่ให้ความสำคัญกับรสชาติและคุณภาพของไวน์โดยไม่ต้องหรูหราเลื่อมทอง โซโนมาก็เป็น Wine Region อีกหนึ่งที่ที่คุณไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะเป็นต้นกำเนิดไวน์แคลิฟอร์เนียแล้ว ยังอุดมไปด้วยเสน่ห์แห่งชนบทอันสงบเงียบ ที่ให้คุณเอ็นจอยไวน์เกรดดีเยี่ยมในงบประมาณครึ่งหนึ่งของนาปาวัลเล่ย์ ได้เลยครับ!


ไวน์แนะนำ



Sonoma มีการปลูกองุ่นเป็นที่แรกๆ ในแคลิฟอร์เนีย ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1821 เมื่อกลุ่มชาวอาณานิคมรัสเซียได้นำเถาองุ่นมาปลูกเถาแรกมาปลูกแถว Fort Ross อันติดกับชายฝั่งทะเลแปซิฟิค แต่ต่อมาไอเดียของ Fine Wine ได้ถูกแนะนำครั้งแรกในปี 1855 โดยบิดาแห่งไวน์แคลิฟอร์เนีย  Count Agoston Haraszthy ที่ ณ ปี 1861 ได้เดินทางไปฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน และนำพันธุ์องุ่นที่ได้รับรางวัลนับพันเถา เพื่อกลับมาปลูกใน Sonoma, America อันเป็นรากฐานขององุ่น “ไวน์โซโนมา” ที่ปลูกกันมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ

โดยจุดเด่น ที่ทำให้ ไวน์ Sonoma มีเสน่ห์ดึงดูดมากคือความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะสภาพดิน ที่ว่ากันว่าหลากหลายกว่าดินของฝรั่งเศสทั้งประเทศเสียอีก! นี่เป็นผลมาจากการที่เคยเป็นแผ่นดินที่ถูกครอบคลุมด้วยน้ำทะเล (inland sea) สั่งสมแร่ธาตุมากมายมานับล้านปี และยังมีภูเขา Mayacamas และภูเขาโซโนมา ที่ทำให้พื้นดินมีหลายระดับ หลายช่วงอุณหภูมิ

ไวน์ Sonoma

เช่นเดียวกับ Napa Valley… ไวน์โซโนมา นับเป็นเพียง 6% ของไวน์ทั้งหมดในแคลิฟอร์เนีย เพราะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ  มีทั้งไวน์ขาวเเละไวน์เเดง ส่วนใหญ่จะปลูก  Chardonnay และ Pinot Noir ด้วยความที่เป็นพื้นที่ติดชายฝั่งเสียส่วนใหญ่จึงมีอากาศที่หนาวและชื้น ถูกกับองุ่นทั้งสองประเภท รองลงมาก็คือ Cabernet Sauvignon ซึ่งมีการปลูกเพิ่มเติมจากความต้องการของผู้บริโภค ที่เหลือเป็นพันธุ์ที่มีการปลูกน้อยหน่อย ส่วนมากสำหรับใช้กับไวน์เบลนด์ ได้แก่ Zinfandel, Merlot, Sauvignon Blanc และ Syrah เป็นต้นครับ

ไวน์แดง Sonoma

องุ่น Pinot noir ทำให้ ไวน์โซโนมา มีรสชาติที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เช่นหากปลูกในพื้นที่เขาสูงและมีอากาศหนาว รสชาติของ Pinot noir ก็จะเข้มข้นด้วยโน๊ตของเชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ รูบาร์บที่สุกงอม และโน๊ตของสมุนไพรต่างๆ มากมาย หรือหากปลูกในหุบเขา ใกล้ระดับน้ำทะเล รสชาติจะอ่อนละมุนกว่า ด้วยโน๊ตของดอกไม้ น้ำทับทิม ไปจนถึงวานิลลา เป็นต้นครับ

ไวน์ขาว Sonoma

ไวน์ขาวที่เป็นที่นิยมที่สุดในอเมริกา คงหนีไม่พ้น Chardonnay ซึ่งโซโนมามีปลูกเยอะที่สุด โดยไวน์จะมีโน๊ตผลไม้เขตร้อนชัดเจนตั้งแต่มะม่วงไปจนถึงสับปะรด หรืออาจเก็บช่วงที่ยังห่ามๆ Chardonnay จะมีโน๊ตของแอบเปิ้ล มะนาว เลม่อน ไปจนถึงขิงและตะไคร้อ่อนๆ ได้อีกด้วยครับ

แผนผัง Sonoma 

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าพื้นที่ของโซโนมา มีความหลากหลายอย่างมาก จึงมีเขต Sub-AVA (American Viticultural Area) เต็มไปหมด แต่ก็สามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ทั้งสิ้น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามนี้ครับ

1) พื้นที่หนาวเย็น

อยู่บนเขาสูง ติดชายฝั่ง หรือมีหมอกลง นิยมปลูก Chardonnay และ Pinot Noir

Russian River Valley (AVA – 1983)

จุดเด่นคือมักมีหมอกจับหนา ด้วยอิทธิพลจากลมหนาวที่พัดจากทะเลแปซิฟิก พร้อมดินที่มีส่วนผสมของหินทรายที่มีความร่วนปนทรายที่เรียกว่า  Goldridge soil เหมาะกับการปลูก Pinot noir และ Chardonney เป็นที่สุด Balletto – อาจเป็นวินยาร์ดที่ไม่ได้เด่นดัง แต่ผลิตไวน์ Pinot noir อันเป็นที่ยอมรับในนามของ Balletto Pinot Gris รสเข้มข้น ให้โน๊ตแอบเปิ้ลเขียวผสม honey blossom

Carneros (AVA – 1983)

เป็นพื้นที่ที่มีอากาศเย็น เพราะอยู่บนเทือกเขา และยังติดชายฝั่ง San Pablo รวมถึงมักมีหมอกหนาลงช่วงฤดูร้อน ปลูก Pinot Noir และ Chardonnay ได้ดีเยี่ยม Buena Vista – เป็นหนึ่งในโรงงานผลิตไวน์เชิงพาณิชน์ที่เก่าแก่ที่สุดในแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่ปี 1857 เจ้าของคือ Agoston Haraszthy

Green Valley (AVA -1983)

เป็นหนึ่งใน Sub-AVA ที่เล็กที่สุดในโซโนมา โดยทั้งสภาพพื้นที่ก็ลงล็อคกับพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ มีหมอกหนา มีเนินเขา และดิน Goldridge soil จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูก Pinot noir และ Chardonney

Sonoma Coast (AVA – 1987)

เป็นพื้นที่ที่ติดกับชายฝั่งทะเลแปซิฟิค แต่ไม่ได้อยู่บนเนินเขา จึงไม่ได้อิทธิพลของหมอกเท่าไหร่ แต่จะมีอากาศหนาวและมีปริมาณน้ำฝนมากที่สุด ช่วงที่ร้อนก็อุณหภูมิสูงไม่แพ้ที่อื่น ทำให้ Pinot noir และ Chardonney มีเวลาเพียงพอที่จะสุกงอม ก่อนที่อากาศหนาวและฝนจะมาถึงนั้นเองครับ

Chalk Hill (AVA – 1983)

ได้ชื่อมาจากสภาพดินที่มีสีขาวๆ เทาๆ แห้งร่วน คล้ายดินที่ Chablis ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเหมาะสมกับการปลูก  Chardonnay และ Sauvignon Blanc เป็นอย่างมาก โดย Pinot noir ก็สามารถปลูกได้ หากอากาศหนาวเพียงพอ เพราะพื้นที่นี้ หากเทียบกับ Sonoma Coast จะอุ่นกว่า และไม่ค่อยมีหมอกหนาเท่าไหร่ Chalk Hill Estate – สำหรับคนชอบ Chardonnay รสคมกริบ มาพร้อมโน๊ตของลูกแพร์ สนซีด้า จบด้วยกลิ่นคาราเมลอ่อนๆ ที่ปลายลิ้น!

Fort Ross / Seaview (AVA – 2012)

ตั้งอยู่ทางตะวันออกของโซโนมา ติดกับชายฝั่งแปซิฟิค เป็นพื้นที่ทรงแคบ ตามแนวสันเขาที่ลึกและชัน ถึงแม้จะมีความเย็นชื่น และดินที่เหมาะสมกับการปลูกองุ่น แต่มีพื้นที่ไม่มาก และเข้าถึงค่อนข้างยาก ผู้ผลิตไวน์ที่นี่จึงนับว่ามีความทรนงอดทนสูงมากครับ

Sea Slopes – ด้วยความที่ได้คนทำไวน์อย่าง Jeff Pisoni ที่มาจากตระกูลนักทำไวน์โดยแท้จริง ทำให้ได้  Chardonnay ที่หอมสดชื้น ด้วยโน๊ตของเมลอน เปลือกเลม่อน ไปจนถึงแครมบรูว์เล

2) พื้นที่ภูเขาสูง

มีความลาดชัด ร้อนระหว่างวัน หนาวเฉพาะช่วงเช้าหรือกลางคืน นิยมผลิต Full-Bodied Red Sonoma Wines

Dry Creek Valley (AVA – 1983)

สภาพดินผสมผสานระหว่างดินทราย และดินกรวด พร้อมกับอากาศที่อยู่ระหว่างชายฝั่งและแผ่นดินแคลิฟอร์เนีย จึงไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป เหมาะสมกับการปลูก  Zinfandel และ Cabernet Sauvignon Lago di Merlo – ใครอยากลองไวน์ขาวจาก Fiano ต้องเลือกวินยาร์ดที่นี่เลย ด้วยไวน์ที่มีความสดชื้นของโน๊ตของดอก orange blossom และ honeysuckle

Alexander Valley (AVA – 1984)

อยู่ใจกลาง  Geyserville ที่มีการเพาะปลูกองุ่น Cabernet Sauvignon รสชาติกลมกล่อมมายาวนาน รุ่นสู่รุ่น นอกจากนั้นยังสามารถปลูก Chardonnay และ Merlot คุณภาพได้อีกด้วย

Moon Mountain District (AVA – 2013)

เป็นพื้นที่ AVA ที่ค่อนข้างใหม่มาก แยกตัวออกมาจาก Sonoma Valley เพราะต้องการสร้างอัตลักษณ์ให้ไวน์ของพื้นที่ที่เน้นการปลูก Zinfandel ที่เติบ ที่มีราชาติเข้มข้น Tannin สูงเป็นพิเศษ

Hanzell – ขึ้นชื่อเรื่อง Pinot noir และ Chardonnay รสชาติหนักแน่น โดย Pinot noir จะเต็มไปด้วยโน๊ตของเชอร์รี่ ทับทิม ราสเบอร์รี่ ไปจนถึง ยาสูบ ส้มสีเลือด วานิลลา ขิง และป่าชื้นๆ

Pine Mountain / Cloverdale Peak (AVA – 2011) เป็น Sub- AVA ขนาดเล็กและใหม่มาก อยู่ระหว่าง Alexander Valley และ Northern Sonoma อยู่บนเขาสูงที่ระดับ 480 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพพื้นที่ลาดชันและดินร่วนอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ทำให้สภาพพื้นที่เป็นเอกเทศน์และเข้าถึงยาก ปลูก Cabernet Sauvignon และ Zinfandel รสเข้มข้น คุณภาพเยี่ยมแบบที่หาตัวจับยาก

Rockpile (AVA – 2002) อยู่สูงขึ้นไปกว่า Pine Mountain เสียอีกด้วยระดับประมาณ 580 เมตรจากระดับน้ำทะเล ร้อนตอนกลางวัน แต่หนาวเย็นตอนกลางคืน ทำให้สามารถปลูกไวน์แดงได้หลากหลาย ตั้งแต่ Zinfandel, Petite Sirah และ Syrah ครับ

3) พื้นที่หุบเขา

Valley ที่มีอากาศไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป นิยมผลิต Softer & Rounder Red Wines

Sonoma Valley (AVA – 1981)

เป็นพื้นที่แรกในโซโนมาที่ได้ Sub-AVA ตั้งอยู่ใจกลางของโซโนมา ขนาบด้วยภูเขา Mayacamas ทางตะวันออก และเขา Sonoma ทางตะวันตก เกิดเป็นพื้นที่ราบหุบเขาขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ปลูก Chardonnay และ Pinot Noir แต่ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น Cabernet Sauvignon รสละมุมที่ปลูกเยอะบริเวณตีนเขา และบนเขา

Westwood Legend – สำหรับคนชอบไวน์แดง Winery นี้มีตั้งแต่Cabernet Sauvignon ไปจนถึง Red Blend ระหว่าง Grenache, Syrah และ Mourvèdre ที่ให้รสชาติผลไม้ชัดเจน ตบท้ายด้วยโน๊ตของเครื่องเทศ พริกไทย และเนื้อย่าง

Knights Valley (AVA – 1983) ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นเอกเทศน์ที่สุด อยู่ทางตะวันออกที่สุดของโซโนมา ใครอยากสัมผัสความเป็นชนบท และธรรมชาติอันสมบูรณ์ ต้องมาที่นี้เลยครับ นอกจากนั้นยังได้แร่ธาตุจากดินภูเขาไฟของ Mount St. Helena ทำให้สามารถปลูก Cabernet Sauvignon Sauvignon Blanc และ Merlot คุณภาพเยี่ยมได้อย่างเหลือเฟือ

Bennett Valley (AVA – 2003)

สภาพดินของที่นี่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ด้วยความเป็นดินภูเขาไฟ ผสมกับดินเหนียว และสภาพอากาศที่เย็นในช่วงเช้าเล้กน้อย สร้างคาแร็คเตอร์เฉพาะให้องุ่น ที่ดังที่สุดในพื้นที่นี้คือ Syrah แต่องุ่นขาวเช่น Chardonnay และ Sauvignon Blanc ก็ดีไม่แพ้กันครับ Bennett Valley Cellars – สำหรับใครที่ชอบ Pinot noir รสละมุน ดื่มคล่อง ต้องมองหาไวน์ของ Emilio Zanin นักทำไวน์รุ่นเก๋า ได้ไวน์รสนุ่มโน๊ตเชอร์รี่ดำ ผสมเครื่องเทศอ่อนๆ

อ่านมาถึงตอนนี้ ใครที่เคยมองข้ามไวน์โซโนมาอยู่ ถึงคราวที่คุณต้องตาสว่างเสียที และหันมามองผืนแผ่นดินโซโนมาด้วยมุมมองใหม่ได้แล้วครับ!

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ