ไวน์โรเซ่ (Rosé wine) – ไวน์สำหรับฤดูร้อนที่พลาดไม่ได้
August 16, 2020
ไวน์โรเซ่ (Rosé wine) เป็นไวน์ที่มีความแตกต่างจากไวน์อื่นๆเเละนั่นทำให้ยิ่งน่าสนใจ ซึ่งไวน์นี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีต่างๆในบางพื้นที่ของยุโรปอีกด้วย รวมถึงไม่ได้มีความซับซ้อนจนเกินไปที่จะเรียนรู้พื้นฐานของไวน์ ไวน์โรเซ่ใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นที่นิยมในประเทศอเมริกา เพราะมีการบริโภคเพิ่มขึ้นถึง 50% ในปี 2017 คุณอาจจะเห็นไวน์โรเซ่วางขายเป็นจำนวนมากในช่วงใกล้ซัมเมอร์นี่คือรายละเอียดของความแตกต่างของไวน์ ตั้งเเต่เทคนิคการเก็บเกี่ยวและการผลิตซึ่งมีผลต่อไวน์ สีและรสชาติไปจนถึงภูมิภาคที่ปลูก เมื่อไหร่ที่คุณเห็นขวดที่เขียนว่า Tavel, Rosado หรือ Rosato คุณก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคือไวน์อะไร
ไวน์แนะนำ
วิธีผลิตไวน์โรเซ่
หลายคนเชื่อว่าไวน์โรเซ่เป็นการผสมผสานระหว่างไวน์ขาวและไวน์แดง นี่เป็นความเชื่อที่ผิด Rose ส่วนใหญ่ไม่ได้เอาไวน์ขาวกับเเดงผสมกัน เเต่ใช้วิธีที่เรียกว่า “skin contact (การเอาเปลือกองุ่นไปสัมผัสน้ำองุ่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อจะเพิ่มสี)” อีกวิธีหนึ่งเรียกว่า saignee
การผสมไวน์แดงกับไวน์ขาวนั้นพบได้ใน Champagne เท่านั้น
Skin Contact
คุณเคยได้ยินคำว่า “intentional rosé” หรือไม่? คำนี้หมายถึง องุ่นที่ปลูกและเก็บเกี่ยวเพื่อทำไวน์โรเซ่โดยเฉพาะ องุ่นชนิดนี้มีการเก็บเกี่ยวที่เร็วเพื่อรักษาความเป็นกรดและรสชาติที่สดใหม่ขององุ่นตามด้วยการหมักที่จำกัดเวลา
กระบวนการหมักเป็นกระบวนการเดียวกันกับที่ผู้ผลิตไวน์ทำในการผลิตไวน์แดงที่มีการย้ำหรือขยี้น้ำองุ่นออกมาผสมกับเปลือกเเล้วปล่อยไว้ แต่สำหรับไวน์โรเซ่จะใช้เวลาเร็วกว่ามากตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงจนถึงหนึ่งสัปดาห์ ยิ่งใช้เวลาน้อยสีน้ำก็จะยิ่งอ่อน
Saignée
ในภาษาง่ายๆ saignée คือ การคั้นนั่นเอง วิธีนี้ใชกับไวน์ที่ผู้ผลิตนั้นอยากให้มีรสชาติที่คมเเละเข้มข้น
ตกลงเเล้วมีการผสมไวน์ขาวกับเเดงด้วยกันหรือไม่?
ผู้ผลิตไวน์ส่วนใหญ่ไม่ผสมไวน์ขาวเเละเเดงเข้าด้วยกันเพื่อทำไวน์โรเซ่ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาติให้ทำในฝรั่งเศส ยกเว้นสำหรับ Champagne เท่านั้น ในการผลิต Champagne นั้นผู้ผลิตอาจจะมีการใช้องุ่นพั้นธุ์ Pinot Noir หรือ Pinot Meunier ลงไปให้ได้สีเเละรสชาติที่ต้องการ นอกยุโรป ผู้ผลิตไวน์ New World อาจมีการผสมไวน์ขาวกับไวน์เเดงเข้าด้วยกัน เเต่นั้นก็ไม่ใช่บรรทัดฐานที่ดีในการทำไวน์คุณภาพดี
ไวน์โรเซ่ฝรั่งเศษ
Provence
ถ้าคุณเคยดื่มไวน์โรเซ่มาบ้าง คุณอาจได้ลิ้มรสไวน์ที่มาจาก Provence มาเเล้วก็ได้ ชาว Denizens ทางภาคใต้ของฝรั่งเศสมองว่าโรเซ่ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นวิถีชีวิต ไวน์โร่เซ่จากเมืองนี้ (Provençal rosé) เเตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน
โดยทั่วไปแล้วไวน์โรเซ่ถูกผลิตขึ้นมาด้วยความประณีประนอม มีการคัดสรรประเภทองุ่นรวมถึงลักษณะผิวเพื่อได้รสชาติเเละสีที่อ่อนตามที่ตั้งใจไว้ โรเซ่ไม่ใช่โวน์ที่หวือหวาอะไรมากเมื่อเทียบกับไวน์ที่มีชื่อเสียงมากๆตัวอื่น เเต่มีรสชาติคม เข้าได้กับอาหารหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นผัก อาหารทะเลหรือเเม้เนื้อสัตว์
พันธุ์องุ่นคลาสสิกจาก Provence ที่นำมาทำไวน์โรเซ่ คือ Grenache, Cinsault และ Mourvèdre
ไวน์จากภูมิภาค Bandol นี้นั้นถือว่าได้รับความนิยมเเละยอมรับเป็นอย่างมากในประเทศอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไวน์ที่มีคุณภาพและราคาแพงเพราะทำจากอุง่นพันธุ์ Mourvèdre ไวน์เหล่านี้มีรสชาติดี มีเเร่ธาตุเเละองค์ประกอบที่ดี ไวน์โรเซ่จากที่นี่ยังสามารถทำการ aging ไวน์ได้ด้วย
Tavel, Rhône Valley
Tavel เป็นไร่องุ่นที่เดียวในฝรั่งเศษที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ dry rosé (rosé ที่มีรสอ่อนมากหรือจืด) มีการปลูกองุ่นพันธุ์อื่นๆ เช่น Cinsault, Bourboulenc, Clairette (Blanche เเละ Rose), Mourvèdre, Picpoul (Blanc, Noir เเละ Gris) and Syrah เเละถึงเเม้ไวน์ขาวไม่สามารถผสมกับสีแดงเเต่ก็มีการเติมองุ่นขาวลงไปก่อนการหมัก
เนื่องจากมี skin contact นานกว่า Tavel จึงมีสีแดงที่เข้มขึ้น สิ่งนี้ทำให้มีแทนนินมากขึ้น มีองค์ประกอบมที่ดี และเหมาะกับการ aging
Chinon, Touraine and Anjou, Loire Valley
ส่วนใหญ่นั้นผลิตมาจากองุ่น Cabernet Franc โรเซ่นี้เป็นโรเซ่ชั้นยอดที่มีกลิ่นอายสมุนไพรจากองุ่น Cabernet Franc มีรสชาติฉ่ำเเละสดชื่น
Spanish rosados (ไวน์โรเซ่สเปน)
ประเทศสเปนก็มีการผลิตไวน์โร่เซ่มาเเล้วเช่นกัน ซึ่งจะเรียกว่า “rosado” เเต่เพิ่งได้รับความนิยมจากประเทศอเมริกามาได้ไม่นาน โดยเเรกเริ่มนั้นก็ไม่ได้ความพิเศษอะไรในการผลิต เเต่พอมีการส่งออกมากขึ้นจึงมีการพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น โดยมีการใช้องุ่นพันธุ์ Grenache เเละ Tempranillo เป็นหลักในการผลิตเเละสีไวน์ที่ได้ก็ค่อนข้างจะเข้มกว่าของฝรั่งเศษ
Navarra
ไวน์โรเซ่จาก Navarra เป็นสิ่งที่ทำให้ภูมิภาคนี้โด่งดังขึ้นมาทั่วโลก องุ่นที่ใช้ในการผลิตคือพันธุ์ Tempranillo, Cabernet Sauvignon และ Merlot
Rioja
Rioja เป็นโรเซ่ที่พิเศษมาก เพราะเป็นโรเซ่ชนิดเดียวที่เหมาะกับการ aging ผู้ผลิตไวน์โรเซ่ส่วนใหญ่ใช้ไวน์วินเทจที่ใหม่เพื่อเน้นความสดใหม่ เเละหมักในถังเหล็กอะลูมิเนียม เเต่ในกรณีของ Rioja ไวน์ถูกหมักเเบบดั้งเดิมคือในถังไม้โอ๊ก : joven (ไม่มีกำหนดเวลาการหมัก), crianza (หมักไว้ 12 เดือน, 6 เดือนต้องอยู่ในถังหมัก) และ Reserva (2 ปี 6 เดือนในถัง) มี Grenache เเละ Tempranillo เป็นองุ่นหลักๆที่ใช้
Txakoli
Basque ที่อยู่ทางตอนเหนือของสเปนเป็นถิ่นกำเนิดขององุ่นที่ใช้ในการผลิต Txakoli เป็นสิ่งที่ค่อนข่างใหม่ในเชิงพาณิชย์ เเต่ก็สามารถพบได้ง่ายในประเทศอเมริกา ไวน์โรเว๋ชนิดนี้มีสีชมพูอ่อนๆ มีเเร่ธาตุเเละมีรสออกเปรี้ยว โดยส่วนใหญ่ผลิตมาจากองุ่นแดง Hondarrabi Beltza
Italian rosatos (ไวน์โรเซ่อิตาลี)
เป็นไวน์ผลิตขึ้นทั่วประเทศด้วยรูปแบบและรสชาติที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในท้องถิ่นและพันธุ์องุ่นที่มี คุณจะพบกับไวน์ที่ละเอียดมากกว่าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีอากาศเย็นกว่าบริเวณ Veneto, Friuli-Venezia Giulia และ Trentino-Alto Adige ซึ่งรวมถึง Chiaretto จาก Lombardy และ Veneto Chiaro มีความหมายว่า “อ่อน” หรือ “ซีด” และทำให้เกิดไวน์ที่มีรสอ่อนตามลักษณะขององุ่น Corvina ไวน์ Ramato จาก Friuli ก็มีสีตามการหมักที่นานขึ้นขององุ่น Pinot Grigio.
ช่วงตอนกลางของอิตาลีตอนก็มีการผลิต Rosatos ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ Cerasuolo d’Abruzzo ที่ทำจากองุ่น Montepulciano
ในทางตอนใต้ rosatos นั้นมีรสชาติที่เข้มข้นกว่าตามความเข้มของอาหารเเละความเเรงของเเดด เมืองต่างอย่างๆ Puglia, Sicily and Calabria ก็มีการผลิตไวน์ออกออกมาอย่างเช่น Negroamaro (Puglia) เเละ Nero d’Avola (Sicily).