fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

ไวน์ Loire Valley – ที่สุดของ Chenin Blanc

July 29, 2020

คอไวน์ส่วนใหญ่รู้ดีครับว่า ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศเเห่งไวน์โลกเก่าชั้นนำของโลก โดยเฉพาะภูมิภาคชื่อดังอย่าง Bordeaux, Burgundy, Champange เเละ Rhone Valley เเล้ว เเต่ก็อย่าลืมนะครับว่าฝรั่งเศสยังมีภูมิภาคอื่นๆที่สามารถผลิตไวน์ตัวท็อปออกมาได้เหมือนกัน เเละ “Loire Valley หรือลัวร์ วัลเล่ย์” เมืองเจ้าเเม่เเห่งไวน์ขาวก็เป็นหนึ่งในนั้น


ไวน์แนะนำ



Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์) เป็นภูมิภาคที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทางฝั่งซ้ายของภูมิภาคนั้นติดกับมหาสมุทรเเลตเเลนติก มีเเม่น้ำลัวร์เป็นเเม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านหลายๆเมืองในภูมิภาค เเม่น้ำลัวร์ถือว่ามีความโดดเด่นมาก นอกจากจะค่อยหล่อเลี้ยงไร่ไวน์เเล้วยังเป็นเเม่น้ำที่ยาวที่สุดในฝรั่งเศสอีกด้วย เริ่มต้นเเต่เทือกเขา Massif (มาสซิฟ) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสยาวขึ้นมาทางซ้ายเเล้วสิ้นสุดที่เมือง Nantes (นองต์) เพื่อไหลลงมหาสมุทรแอตแลนติก รวมความยาว 1,012 กิโลเมตร กินพื้นที่ไปเยอะทีเดียวเรียกว่าเป็นหัวใจของฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ เพราะรวมสารพัดของความน่าอัศจรรย์อยู่ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) ความสวยงามของทิวทัศน์ที่รายล้อมไปด้วยไร่องุ่น รวมถึงมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ขาว Chenin Blanc อีกด้วย

จุดเริ่มต้นของการผลิตไวน์ของลัวร์ วัลเล่ย์มีหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่า เมื่อ 2000 ปีที่เเล้ว ชาวโรมันได้เข้ามาทำไร่องุ่นใน Loire Valley ระหว่างการตั้งถิ่นฐานของกอล หลังจากนั้นการผลิตไวน์ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยศตวรรษที่ 5 มีการเขียนบรรยายถึงความเฟื้องฟูขององุ่นจากกวีอย่าง Sidonius Apollinaris เเล้วในศตวรรษที่ 11 คุณภาพของไวน์จาก Sancerre appellation ก็ได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วยุโรป ขอบอกเลยะครับว่าตอนที่ลัวร์ วัลเล่ย์เพื้องฟูมากๆ ผลิตไวน์อะไรออกมาก็ได้รับความนิยมมากที่สุดเสมอจากทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส เเถมได้รับคำชมมากกว่าไวน์จากบอร์โดซ์ซะอีก

เเต่ในอีกมุมหนึ่งประวัติศาสตร์ของ Loire Valley ก็มีการบันทึกไว้ว่า Saint Martin (เซนต์ มาร์ติน) เป็นคนเเรกที่มาปลูกองุ่นในภูมิภาคนี้จนทำให้มีการผลิตไวน์เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง จริงๆเเล้วไม่ว่าใครจะเป็นคนเริ่มปลูกก็ถือว่ามีบุญคุณกับไวน์คอไวน์มากๆอยู่ดี

สภาพภูมิประเทศเเละอากาศก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไวน์ลัวร์ วัลเล่ย์นั้นมีคุณภาพที่น่าประทับใจ เพราะเดิมทีพื้นที่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของลุ่มแม่น้ำลัวร์ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการปลูกองุ่น เเต่เเม่น้ำลัวร์นี่เเหละครับที่มาช่วยปรับอุณหภูมิทำให้องุ่นเติบโตได้ จึงไม่น่าเเปลกใจนักที่คุณมักจะพบไร่องุ่นตามเเนวเเม่น้ำลัวร์ เเต่นอกจากไร่องุ่นตามแม่น้ำลัวร์แล้ว ตามเเนวแม่น้ำสายรองอย่าง Allier , Cher, Indre, Loir, Sèvre Nantaise เเละ Vienne ก็มีการปลูกองุ่นเช่นเดียวกัน ส่วนสภาพอากาศจะมีความเป็น continental climate หรือสภาพอากาศที่มีความเเปรปรวน มีการเปลี่ยนเเปลงของอุณหภูมิ ซึ่งเป็นผลมาจากเเม่น้ำลัวร์เเละมหาสมุทรแอตแลนติก ในฤดูใบไม้ผลิ บางทีอากาศก็เย็นมากจนเป็นอันตรายต่อองุ่น ฝนที่ตกบ่อยในช่วงของการเก็บเกี่ยวอาจจะทำให้ผู้ผลิตต้องยอมเก็บองุ่นทั้งๆที่ไม่สุก แต่ยังสามารถนำไปเก็บสร้างเชื้อราสำหรับทำไวน์หวานได้อยู่

พื้นที่ในการผลิตไวน์ของ Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์) นั่นเเบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ Lower Loire , Middle Loire, Centre Loire เเละ Upper Loire

1.Lower Loire (โลวเวอร์ ลัวร์)

สำหรับโลวเวอร์ ลัวร์นั้น มี Nantes (นองต์) เป็นเมืองสำคัญ โดยไร่องุ่นส่วนใหญ่จะอยู่บนที่ราบ ฝั่งใต้เจอกับเเม่น้ำ Loire (ลัวร์), Sèvre เเละ Maine อยู่ห่างกับมหาสมุทรเเลตเเลนติกเพียง 10–96 กิโลเมตร สภาพอากาศจึงเป็นเเบบ martime (ที่ใช้เรียกภูมิภาคที่อยู่ใกล้ทะเลหรือมหาสมุทร) มีอากาศเย็น ชื้น มีเมฆ มีลมหนาวเเละพัดเเรง ดินส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิต ซึ่งเหมาะกับที่ๆมีอากาศชื้นของโลวเวอร์ ลัวร์มาก เพราะทำให้มีการระบายน้ำได้ดี ส่งผลให้ให้องุ่นเจริญงอกงาม นิยมไปผลิตไวน์ที่มีเเร่ธาตุ มี body สูง เเละมีกลิ่นที่หอมชัดเจน โดยองุ่นที่นิยมปลูกมากคือ Pinot Gris (ใช้ผลิต sweet white wine ของ Coteaux d’Ancenis Malvoisie), Folle Blanche (มักเจอในไวน์ที่มีคำว่า “Gros Plant de Pays Nantais” อยู่บนฉลาก) เเละ Melon de Bourgogne (Muscadet) องุ่นลูกพี่ลูกน้องของ Chardonnay

มี AOP อยู่ 6 พื้นที่ด้วยกัน คือ

Muscadet AOP : Muscadet เป็น appellation ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์) โดยไวน์ทุกตัวของที่นี่จะมีการเอจกับ lees (ตะกอนของยีสต์ที่ตายแล้วหรืออนุภาคอื่นๆจากการ fining) เพื่อความรสสัมผัสของไวน์ ถ้าไวน์ตัวไหนมี Muscadet AOP บนฉลาก ไวน์ตัวนั้นจะทำมาจาก Melon de Bourgogne มาพร้อมกันรสชาติที่ลีนเเละ  กลิ่นอายของเเร่ธาตุ รวมถึงสามารถดื่มได้ตั้งเเต่ไวน์อายุยังน้อยเลยครับ

Muscadet de Sèvre et Maine AOP :ภูมิภาคนี้อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Nantes จุดเด่นของภูมิภาคนี้คือ การผลิต Melon de Bourgogne ที่เรียกว่าเซียนที่สุดในโลวเวอร์ ลัวร์เเล้ว นอกจากนี้เขายังมีอีก 3  sub-appellation (appellation ย่อย) เเละ 7 Cru Communaux : AOP: Muscadet Sèvre et Maine Clisson AOP, Muscadet Sèvre et Maine Gorges AOP, Muscadet Sèvre et Main le Pallet AOP

Cru Communaux:  Goulaine, Château-Thébaud, Mouzillon-Tillières, Monnières-Saint Fiacre, La Haye Foussière, Vallet เเละ Champtoceaux

Muscadet Coteaux de la Loire AOP: อยู่ในพื้นที่เดียวกับ Coteaux d’Ancenis AOP  ดังในการผลิตไวน์ Melon de Bourgogne ที่มีรสชาติเเน่นลิ้น

Muscadet Côte de Grandlieu AOP: สำหรับพื้นที่อยู่ติดกับมหาสมุทรมากที่สุดเลยครับตรงนี้ ไวน์จาก AOP นี้ Melon de Bourgogne จะมีความเบา ลีน dry เเละหอมฟุ้งเหมือนน้ำหอมเลยครับ

Coteaux d’Ancenis AOP: ที่ appellation นี้มีการผลิตไวน์เเดงเเละโร่เซ่ โดยไวน์เเดงของเขาจะใช้องุ่น Gamay เเละ Cabernet Franc ให้รสชาติที่ลีนเเละหอมยั่วใจ นอกจากนี้ก็ยังมีปลูก Pinot Gris อีกนิดหน่อยด้วยครับ ไวน์ที่ออกมาก็จะเป็นสไตล์หวานเบาๆ

Off-Beat: Fiefs Vendéens AOP: อยู่ทางตอนใต้ของ Nantes ใกล้มหาสมุทรมากๆ ถ้าพูดถึงไวน์ ต้องไวน์ขาวที่ให้ความ dry เเละสดชื่นจาก Chenin Blanc, Sauvignon Blanc, Chardonnay เเละ Melon de Bourgogne เลยครับ ไวน์โรเซ่ off-dry กับไวน์เเดงจาก Gamay, Pinot Noir, Cabernet Franc เเละ Grolleau ก็เด็ดไม่เเพ้กันครับ

2.Middle Loire (มิเดิล ลัวร์)

เขยิบมาทางขวาก็จะกลายเป็น Middle Loire (มิเดิล ลัวร์) ภูมิภาคที่ผลิตสุดยอด Chenin Blanc มี Cabernet Franc ที่เลิศรส รวมทั้งโดดเด่นเรื่องสปาร์คกลิ้งไวน์ เรียกว่าหลากหลายจริงๆครับ ไร่องุ่นจะอยู่รายรอบเมือง Angers เเละ Tours เป็นหนึ่งในภูมิภาคมีทิวทัศน์งดงามที่สุดในฝรั่งเศส มีสภาพอากาศเเบบ maritime ไม่เเปรปรวนมาก ชนิดของดินนั้นส่วนใหญ่เป็นหินปูน มี sub-region ทั้งหมดอยู่ 5 พื้นที่ คือ Anjou, Saumur, Touraine, Orleans,  เเละLoir Valley เเต่ที่เด่นๆคือ Anjou เเละ Saumur ครับ

Anjou: สำหรับดินที่นี่ ทางฝั่งซ้ายดินจะมีลักษณะเป็นดินเหนียวสีเข้มๆ ซึ่งส่งผลให้รสชาติไวน์ของที่นี่ powerful มีโครงสร้างที่เเข็งเเรง ทางฝั่งขวาดินจะเป็นหินปูนที่มีเศษหอยนางรมผสมอยู่ มีความเด่นในเรื่องของไวน์โร่เซ่มาก เรียกว่าเป็นครึ่งหนึ่งของ Anjou เลยก็ได้ ซึ่ง AOP ที่ผลิตมีอยู่หลัก 3 ที่ด้วยกัน คือ

  • Rosé de Loire AOP: dry rosé จะใช้ Cabernet Franc เเละ Grolleau รสชาติจะมีกลิ่นอายของผลไม้สีเเดง ลีนเเละซ่าถึงใจ
  • Rosé d’Anjou AOP: โรเซ่ที่นี่จะมาพร้อมกับสไตล์ off-dry มีกลิ่นผลไม้เข้มๆของสตอเบอร์รี่เเละความเผ็ดนิดๆของพริกไทยดำ
  • Cabernet d’Anjou AOP: โรเซ่หวานนิดๆสไตล์ off-dry ที่ทำมาจาก Cabernet Franc เเละ Cabernet Sauvignon ของที่นี่มาพร้อมกับกลิ่นผลไม้สีเเดงที่หอมหวานของสตรอเบอร์รี่และเรดเคอร์แรนท์ ถ้าได้ดื่มคงติดใจน่าดู

Saumur: sub-regionเป็นเมืองเเห่งสปาร์คกลิ้งไวน์  ดินของที่นี่เป็นหินปูน ไวน์ที่ออกมาจึงมี acidity ที่สดใส มีการปลูกองุ่นหลากหลายพันธ์ สำหรับองุ่นเเดงจะเป็น Cabernet Franc, Cabernet Sauvignon เเละ Pineau d’Aunis ส่วนองุ่นขาวจะเป็น Chenin Blanc (มีการปลูกอย่างน้อย 80%), Sauvignon Blanc เเละ Chardonnay

3.Centre Loire (เซ็นเตอร์ ลัวร์)

ถือว่าเป็นภูมิภาคไวน์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดใน Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์) เลย เพราะเป็นที่อยู่ของ Sancerre ภูมิภาค Centre-Loire นั้นอยู่ตรงใจกลางของฝรั่งเศส อยู่ใกล้กับเเม่น้ำ Loire, the Cher, and เเละ Indre มีพื้นที่ใกล้กับ Burgundy จึงอาจจะมีความคล้ายกันอยู่บ้าง ส่วนสภาพอากาศจะเป็นเเบบ continental คือมีหน้าร้อนเเละหนาวต่างกันชัดเจน ดินมีความเป็นหินปูนเเบบปูนขาวผสมกับฟอสซิลหอยนางรม ซึ่งเข้ากับองุ่นที่ปลูกในภูมิภาคอย่าง Sauvignon Blanc, Chasselas, Pinot Noir ได้ดี เเต่นอกจากองุ่นพวกนี้เเล้วนี้ Centre Loire ก็ปลูก Pinot Gris, Sauvignon Gris เเละ Gamay ด้วยครับ

Centre Loire มี AOP อยู่ถึง 8 เเห่งเลยทีเดียว คือ Sancerre AOP, Pouilly-Fumé AOP, Pouilly-sur-Loire AOP, Quincy AOP, Reuilly AOP, Menetou-Salon AOP, Coteaux du Giennois AOP เเละ Châteaumeillant AOP เเต่ที่รู้จักกันดีเลยก็ Sancerre AOP โดย appellation นี้เขามีความเเซ่บอยู่ที่ไวน์จาก Sauvignon Blanc ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์) ให้ดังเป็นพลุเเตก นอกจากนี้ Pinot Noir ที่นี่ก็เริ่ดไม่เเพ้กันครับ เพราะทั้งไวน์เเดงเเละโร่เซ่ที่ทำมาจากองุ่นพันธุ์นี้มีเอกลักษณ์ที่ความ earthy มาพร้อมกับ acidity เเน่นๆ เเละรสเปรี้ยวๆจากเชอร์รี่ ตรึงใจคอไวน์ทั่วโลกเลยครับ

4.Upper Loire (อัปเปอร์ ลัวร์)

มาถึงภูมิภาคสุดท้ายของ Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์) สำหรับ Upper Loire ดินจะเป็นเเบบดินเหนียว ทราย กรวด หินแกรนิตและหินไนส์ผสมกันไป มีสภาพอากาศที่ออกอุ่นๆ จนถึงหนาวเลย นิยมปลูกองุ่นที่หลากหลาย เช่น Gamay(ถ้าใครชอบ Beaujolais คุณต้องรักไวน์ที่นี่เเน่นอน), Sacy, Pinot Noir รวมถึงองุ่นอย่าง Chardonnay เเละ Sauvignon Blanc อีกด้วย

Appellation ของ Upper Loire เเบ่งเป็น 4 เเหล่งด้วยกัน คือ

Saint-Pourçain AOP: พื้นที่ตรงนี้เป็นเป็นดินเหนียวเเละหินแกรนิต ไวน์จะออกเป็นสไตล์ blend โดยไวน์ขาวจะเน้นไปที่  Chardonnay/Sacy blend หรือถ้าเป็นไวน์เเดงก็จะเป็น blend ของ Gamay/Pinot Noir

Côtes d’Auvergne AOP: ดินของ AOP มีความหลากหลายมาก เพราะมีดินเหนียว ดินปูน หินบะซอลต์  หินแกรนิต และเถ้าลาวาผสมอยู่ ซึ่งสามารถปลูกองุ่นอย่าง Gamay, Pinot Noir เเละ Chardonnay ได้มีประสิทธิภาพ ทำให้มีการปลูก 3 องุ่น มากที่สุดใน AOC

Côtes du Forez AOP: พื้นที่บริเวณนี้มีทิศใต้เเละตะวันออกเฉียงใต้ที่หันหน้าไปทางเชิงเขา ทำให้ดินมีลักษณะเป็นหินบะซอลต์และหินแกรนิต องุ่นที่ปลูกตรงนี้จึงเจริญเติบโตได้ดี

Côte Roannaise AOP: ไวน์เเดงเเละโร่เซ่ของ Côte Roannaise จะใช้ Gamay 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างที่ทำให้ Upper Loire มีความน่าสนใจมากขึ้นทีเดียว

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ