fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

ตกหลุมรักไวน์อิตาเลี่ยน เริ่มที่ Piemonte!

August 14, 2020

ใครที่อยากจะเริ่มเรียนรู้เรื่องไวน์อิตาลีอย่างถูกต้อง แนะนำให้มาเริ่มที่ Piemonte (เพียมอนเต) จะดีที่สุดครับ เพราะเป็นไวน์ที่อธิบายรสชาติของอิตาเลี่ยนได้อย่างดีที่สุด เพราะเพียมอนเตผลิตตั้งแต่ไวน์แดงรสเข้ม ดาเมจรุ่นแรง เอจจิ้งได้ยาวนานแบบฉบับของ Nebbiolo ไปจนถึงรสละมุนนุ่ม หวาน ซ่าของไวน์ขาว Moscato d’Asti ครอบคลุมตั้งแต่รสดุดันไปจนถึงอ่อนโยน สองขั้วที่ทำให้หลายต่อหลายคนตกหลุมรักไวน์อิตาลี่ และไวน์เพียมอนเตแบบโงหัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียวครับ

 

ไวน์แนะนำ



Piemonte (เพียมอนเต) เป็นแคว้นทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งพรมแดนทางเหนือติดกับสวิสเซอร์แลนด์ ส่วนทางตะวันตกติดกับประเทศฝรั่งเศส พื้นที่ส่วนมากถูกรายล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ ภูเขาสำคัญคือภูเขา Monte Viso ซึ่งเป็นจุดกำเนินของแม่น้ำสายสำคัญของอิตาลีอย่างแม่น้ำ Po ไปจนถึงภูเขา Monte Rosa ขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ที่จัดว่าอยู่ในเขตอากาศเมดิเตอร์เรเนียน ความร้อนหนาว 2 ขั้วนี้มักทำให้เกิดหมอกลงบ่อยครั้งบริเวณตีนเขา และเนินเขา โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งเป็นสภาพอากาศที่เหมาะกับองุ่น Nebbiolo อย่างยิ่ง 

 

ซึ่งถึงแม้ว่าพื้นที่ Piemonte จะอยู่ในโซนใกล้เคียงกับบอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส จึงได้อิทธิอากาศที่อบอุ่นในช่วงหน้าร้อน แต่หน้าหนาวจะมีสภาพอากาศที่หนาวกว่า ด้วยลักษณะของ continental winter climate แต่นี้ก็ทำให้ Piemonte สามารถปลูกองุ่นได้หลากหลาย ในพื้นที่ตีนเขาที่ได้รับแสงอาทิตย์เยอะ จะปลูกNebbiolo หรือ Barbera ส่วนพื้นที่เนินเขาที่มีอากาศหนาวจะเหมาะกับการปลูก  Dolcetto หรือ Moscato เป็นต้นครับ

 

ส่วนสภาพดินเพียมอนเตมีความหลากหลายสูงมาก โดยส่วนใหญ่ดินจะอุดมไปด้วยแมกนีเซียมออกไซด์ และแมงกานีส และมีบางพื้นที่ที่สภาพดินเป็นดินเหนียวผสมหินปูนดินสอพอง ไปจนถึงดินทรายผสมหินปูน

 

องุ่นใน Piemonte

 

ด้วยความหลากหลายทางสภาพดินและสภาพอากาศของพื้นที่เพียมอนเตทำให้ปลูกองุ่นได้หลากหลาย โดยพื้นที่ตีนเขา ไปจนถึงพื้นที่ฝั่งตะวันตกที่ติดกับอิตาลีจะปลูกองุ่นแดงได้ดีเยี่ยม ทำให้องุ่นแดงนับเป็นกว่า 65% ขององุ่นทั้งหมดในเพียมอนเต โดยพันธุ์องุ่นที่นิยมปลูกคือ Barbera, Nebbiolo, Dolcetto, Freisa, Bonarda และ Grignolino 

 

ส่วนองุ่นขาว ซึ่งนับเป็น 35% ที่เหลือ มักปลูกบริเวณเนินเขาไปจนถึงทางเหนือของ Piemonte พันธุ์ที่นิยมคือ Moscato, Cortese, Arneis, Erbaluce และ Malvasia

 

แผ่นผังไวน์ Piemonte

การแบ่งพื้นที่ไวน์ของฝรั่งเศสส่วนใหญ่แล้วจะถูกกำหนดด้วยพันธุ์องุ่นที่ขึ้นชื่อในพื้นที่นั้นๆ 

แล้วจึงแบ่งเเป็นพื้นที่ย่อยๆ สำหรับใครที่อาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับไวน์อิตาลีอาจงุนงงเสียหน่อย แต่ขอให้โฟกัสไปที่พันธุ์องุ่นก่อน และค่อยมาดูกันว่าสถานที่ไหน ที่ปลูกองุ่นสายพันธุ์นั้นได้ดีครับ

 

Nebbiolo

อาจเรียกได้ว่าเป็นไวน์แดงที่ดี และดังที่สุดของอิตาลี ซึ่งมีนักชิมไวน์อธิบายประสบการณ์การดื่ม Nebbiolo ได้อย่างดีเยี่ยม เขาพูดว่ามันเหมือนกับการโดนนักเต้นบัลเล่ต์ถีบ! มันคือความรุนแรงที่สง่าผ่าเผย เป็นความรุนแรงดุดันที่ได้จากไวน์แดง Full-body เต็มปากเต็มคำ พร้อม tannin ที่สูงลิบทำเอาน้ำตาแทบไหล ขณะเดียวกันก็สง่างามด้วยโน๊ตอันบอบบางของดอกกุหลายและราสเบอร์รี่เคี้ยวที่ขึ้นมาตีจมูก สามารถเอจจิ้งได้ยาวนาน 10-15 ปี ซึ่งจะเพิ่มโน๊ต และมิติให้ไวน์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเครื่องเทศ หรือทรัฟเฟิลต่างๆ 

 

โดยในพื้นที่เพียมอนเต มีการผลิต Nebbiolo ค่อนข้างเยอะ แต่สุดยอดแห่ง Nebbiolo จริงๆ นับเป็นเพียง 3% ของ Nebbiolo ทั้งหมด ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ Barolo และ Barbaresco นั่นเองครับ

 

  • Barolo DOCG

ตั้งอยู่ในเมือง  Alba เยื้องไปทางตะวันตกของแคว้น Piemonte ตามแนวเขา Apennines ซึ่งมีเพียงวินยาร์ดเดียวที่ได้ระดับ DOCG เท่านั้น ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเขา Apennines

ซึ่ง Barolo มีสีแดงโกเมนอ่อนๆ แรกเห็นหลายคนอาจคิดว่าเป็นไวน์เรียบๆ จืดๆ ไม่ค่อยมีรสชาติ แต่แค่จิบเดียว ก็จะได้รสชาติอันเข้มข้น แอลกอฮอร์ และ Tannin ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็น Nebbiolo ที่มีความเป็น Fruity และ Full-body ที่สุด เต็มไปด้วยโน๊ตของราสเบอร์รี่ เชอร์รี่แดง กุหลาบ ดอกไม้แห้ง โกโก้ เทียนสัตตบุษย์ ชะเอมเทศ ออสไปรซ์ ทรัฟเฟิล ไปจนถึงดิน clay lick หลายคนชอบจำกัดความโน๊ตเด่นๆ ของ Barolo ว่าคือ กุหลาบ ผสมกับน้ำมันดิบ

 

ซึ่งเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ Barolo คือรสชาติและสไตล์จะขึ้นอยู่กับผู้ผลิตด้วย แม้ไร้จะห่างกันเพียงไม่กี่กิโลเมตร แต่รสชาติของไวน์ที่ได้จะแตกต่างกันมากครับ เช่น รสละมุน ให้มองหาผู้

 

Vietti Barolo Castiglione – ผู้ผลิตที่ทำการผลิต Barolo ปลูกองุ่นในดินทรายผสมกับดินเหนียว แนะนำสำหรับผู้ที่ชอบไวน์รสชาติเข้มข้น หนักแน่นเป็ยพิเศษ แบบที่หาได้ยากในไวน์แบบอื่นๆ ด้วยโน๊ตที่โดดเด่นของฝาง เนื้อย่าง และชีส

Mauro Veglio Barolo – หากใครหวั่นใจเล็กน้อยกับไวน์ที่รสเข้มข้น ลอง Barolo ของที่นี่ก่อนจะดีกว่าครับ เพราะปลูกองุ่นในดินที่มีส่วนผสมของหินปูน จึงได้โน๊ตที่ละมุน สง่างามกว่า เช่นชะเอมเทศและวานิลลา

 

  • Barbaresco DOCG

ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับ Barolo นั้นคือบริเวณเมือง Alba แต่จะเน้นปลูกNebbioloในพื้นที่ที่มีหินปูนเยอะ จึงได้รสที่อ่อนโยนมากกว่าBarolo หากแต่ก็ยังเข้มข้น และจัดจ้านกว่าไวน์ทั่วๆ ไปอย่างแน่นอน Tannin ก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสูงอยู่นะครับ โดยโน๊ตหลักคือสตอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ เชอร์รี่ไซรัป สายไหม ผสมผสานกับกุหลาบ ดอกไม้แห้ง และกลิ่นเทียนสัตตบุษย์อ่อนๆ จะสังเกตว่า Barbaresco จะมีโน๊ตที่สดใสกว่า Barolo ไม่มีรสสัมผัสของน้ำมันดิบซักเท่าไหร่ครับ

 

Gaja Barbaresco – เป็นเหมือนเชื้อพระวงศ์แห่งไวน์อิตาลี ตระกูลที่สืบทอดการทำไวน์มาอย่างยาวนาน เจ้าของ Barbaresco รสชาติสมดุล ทั้งมีความเป็นผลไม้ของพวกเบอร์รี่ และดุดันด้วยโน๊ตของเครื่องหนัง พริกไทย และเครื่องเทศต่างๆ เป็นไวน์ที่ให้ความรู้สึกหรูหราเป็นอย่างมากครับ

 

Nebbiolo อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ครับ

  • Roero DOCG
  • Langhe Nebbiolo DOC 
  • Albugnano DOC 
  • Terre Alfieri DOC 
  • Boca DOC 
  • Lessona DOC 
  • Sizzano DOC 
  • Fara DOC 
  • Piemonte Nebbiolo DOC 

 

Barbera

เป็นไวน์แดงที่โด่งดังในเพียมอนเตพอไปวัดไปวากับ Nebbiolo ได้ เพราะดังกันคนละแบบครับ Nebbiolo คือไวน์อันหรูหรา รสหนักแน่น เหมาะกับการดื่มในโอกาศพิเศษ แต่ Barbera เป็นไวน์ขวัญใจมหาชน มีการปลูกมากที่สุดในเพียมอนเต ดื่มง่าย หอมหวาน และราคาถูกกว่ามากครับ!

ไวน์มีสีแดงอมม่วงเข้ม medium-body เต็มไปด้วยโน๊ตของดาร์คเชอร์รี่ สตอเบอร์รี่แห้ง พลัม และแบล็คเบอร์รี่ นอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมดอกไวโอเล็ท ลาเวนเดอร์ นัทเม็ก และเทียนสัตตบุษย์ สามารถเอจได้ดีในถังโอ๊ค ทำให้รสผลไม้มีความหนักแน่นขึ้นและไวน์ซับซ้อนขึ้นครับ

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นมีพื้นที่ที่อุทิศตัวให้กับการปลูก Barbera ชั้นเยี่ยม ตามนี้เลยครับ

  • Barbera d’Asti DOCG 

เมือง Asti ไปจนถึงเมือง Alessandria จะปลูกองุ่นขาวได้ดี แต่ไม่นานมานี้ได้เริ่มปลูกองุ่นแดง Barbera ที่มีรสผลไม้นุ่มนวลได้ดีเยี่ยม ด้วยเนินเขาที่หันไปทางทิศใต้ หันหน้ารับแสงแดดอบอุ่น แต่ได้ส่วนผสมของดินสีขาว ที่อุดมไปด้วยหินปูน จึงได้ไวน์โน๊ตผลไม้ เบอร์รี่ อ่อนนุ่ม แต่จัดจ้านด้วยโน๊ตเครื่องเทศ พริกไทยและชะเอมเทศ 

  • Barbera d’Asti Sottozona “Nizza” DOCG 

เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างใหม่ เพิ่งได้รับการยอมรับเมื่อประมาณปี 2000s ตั้งอยู่ใจกลางเขต Nizza Monferrato ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ทางใต้ของเมือง Asti ซึ่งถือว่าผลิต Barbera ได้น้อยที่สุดแต่เน้นคุณภาพของไวน์อย่างมาก ทำให้ได้ไวน์ที่ละมุน สดชื่น แต่ก็ยังซับซ้อน ด้วยโน๊ตของโป๊ยกั้ก และใบมิ้นท์ป่น

Barbera อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ครับ

  • Barbera del Monferrato Superiore DOCG
  • Barbera del Monferrato DOC
  • Barbera d’Alba DOC
  • Gabiano DOC
  • Rubino di Cantavenna DOC 
  • Colli Tortonesi Barbera DOC
  • Piemonte Barbera DOC 

 

Dolcetto

Dolcetto แปลตรงตัวจากภาษาอิตาเลี่ยนคือ “little sweet one” หรือ “เล็กและหวาน” ซึ่งเป็นชื่อที่ตรงกันข้ามกับองุ่น Dolcetto อย่างมาก ซึ่งมีรสาชาติไม่หวาน และเป็นองุ่นที่มีผลใหญ่ แถมยังมี tannin สูงอีกด้วย… ซึ่งมีความโดดเด่นของรสแบล็คเบอร์รี่ ผสมกับโน๊ตของชะเอมเทศและน้ำมันดิบ ซึ่งหากผ่านการเอจจิ้ง จะช่วยลด acidity  ลงได้ แต่ก็ยังคง tannin ที่ทำให้ปากแห้งอยู่ครับ แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายกลุ่มที่พยายามดึงเอารสผลไม้ออกมาจาก Dolcetto และลด tannin ลง เพื่อให้ง่ายต่อการบริโภคนั่นเอง 

  • Dogliani DOCG 

ตัวอย่างของ Dolcetto ที่รสชาติเข้มข้นที่สุดส่วนใหญ่จะมาจากพื้นที่ Dogliani ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ Barolo เป็นพื้นที่ภูเขาสูงจากเทือกเขา Alpine โดยจะเป็นดินเหนียวผสมหินปูน ได้ไวน์สีแดงอมม่วงเข้มที่เต็มไปด้วยโน๊ตของแครนเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่  พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกล้วยไม้ และดอกไอริส

Dolcetto อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ครับ

  • Dolcetto di Ovada Superiore DOCG / Ovada DOCG 
  • Dolcetto di Diano d’Alba DOCG
  • Dolcetto d’Alba DOC 
  • Dolcetto d’Asti DOC
  • Dolcetto d’Acqui DOC 
  • Dolcetto di Ovada DOC 
  • Langhe Dolcetto DOC 
  • Colli Tortonesi Dolcetto DOC 
  • Piemonte Dolcetto DOC 

 

Moscato Bianco

มาพูดถึงองุ่นขาวกันบ้างครับ Moscato Bianco ถือว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์องุ่นที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งเป็น Muscat Blanc เวอร์ชั่นอิตาเลี่ยน เป็นไวน์ขาว ที่นิยมทำเป็นสปาร์คกลิ้ง โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง ด้วยกลิ่นส้มแมนดาริน แพร์สุก เลม่อนหวาน ดอกส้ม และดอกสายน้ำผึ้ง ที่ชัดเจน นอกจากนั้นยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Moscato Bianco นั้นคือกลิ่นมิ้นท์ และอบเชย

โดย Moscato Bianco มีด้วยกัน 2 สไตล์ นั่นคือ (1) Asti Spumante สปาร์คกลิ้งมาก พร้อมมีรสหวาน ระดับแอลกอฮอร์ประมาณ 9% (2) Moscato d’Asti ไม่ค่อยมีฟองเยอะ หรือที่เรียกว่า ‘Frizzante’ มีรสหวานมากและแอลกอฮอร์ต่ำประมาณ 5 %Moscato d’Asti

  • Asti DOCG (100%)

Moscato ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดถูกปลูกอยู่ในเมือง Asti บริเวณตีนเขา Langhe บริเวณเนินสูงชัน จึงมีอากาศหนาวเย็น ได้ไวน์หวานสีเหลืองฟาง รสหวาน ซ่าเล็กน้อย เต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของดอกวิสทีเรีย และหลิน พีช เอพลิคอต และโน๊ตของเสจ เลม่อน ไปจนถึงดอกส้ม ถือว่าเป็น

Moscato อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ครับ

  • Loazzolo DOC (100%)
  • Strevi DOC (100% passito style)
  • Colli Tortonesi Moscato DOC
  • Piemonte Moscato DOC  

 

Cortese

ไวน์ขาวอีกชนิดหนึ่งที่โด่งดังอย่างมากในเพียมอนเต มีรสชาติสดชื่นของผลไม้รสเปรี้ยว รสชาติคล้ายกับไวน์ขาว Chablis ผสมกับ Pinot Grigio 

  • Gavi DOCG  

ตั้งอยู่ในเมือง Alessandria อันเต็มไปด้วยเนินเขาในเขต  Gavi หรือ Gave ผลิตไวน์ขาวจาก Cortese 100% รสเฉียบคม Dry มากเป็นพิเศส พร้อมโน๊ตของเลม่อน เมล่อน และกลิ่นอ่อนๆ ของอัลม่อน

Cortese อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ครับ

  • Cortese dell’Alto Monferrato DOC 
  • Colli Tortonesi Cortese DOC
  • Piemonte Cortese DOC

 

วิธีการเลือก Piemonte Wine

 

ไม่ว่าจะเป็น Barolo, Barbaresco ไปจนถึง Barbera จะมีคำอธิบายบนฉลากของไวน์ที่ช่วยให้คุณเลือกไวน์คุณภาพได้ตรงใจคุณมากขึ้นครับ

  • ‘Riserva’ หรืออ่านว่า  รีเซอร์วา หากใช้ในไวน์อิตาเลี่ยนบางตัวสามารถมีความหมายว่าเป็นไวน์ที่ผ่านการเอจมายาวนานกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ หรือสามารถสื่อถึงไวน์ที่ทำจากองุ่นที่มีคุณภาพ
    • Barolo Reserva หมายความว่าเป็นไวน์ที่เอจไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งหากต้องการลิ้มรส Barolo ที่ดีที่สุด ควรเลือกไวน์ที่เอจมาไม่ต่ำกว่า 10 ครับ
    • Barbaresco Riserva คือไวน์ Barbaresco ที่เอจ 50 เดือนขึ้นไป หรือประมาณ 24 เดือนหากเอจในถังไม้
  • ‘Vigna’ บ่งบอกว่าเป็นองุ่นที่มาจากวินยาร์ดเดียว หรือ single vineyard เหมาะสำหรับคนที่อาจลิ้มรสชาติไวน์ที่มาจากพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งอย่างชัดเจน

จับคู่ Piemonte Wine กับเมนูโปรด

ไวน์เพียมอนเต จับคู่ได้ดีเยี่ยมกับอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะไวน์แดง ที่ครอบคลุมทั้ง 2 ขั้ว ตั้งแต่เบาๆ ไปจนถึงหนักหนวงกันไปเลยครับ 

 

Nebbiolo – เริ่มจากของหนักกันก่อนเลยครับ โดย Nebbiolo ต้องเหมาะกับของคาว ที่มีกลิ่นแรง และรสชาติเลี่ยน เค็มจัด ตั้งแต่สเต็กริบอาย ไพรม์เอจ ซึ่งยิ่งเป็นเนื้อที่มีมันเยอะ ก็ยิ่งดีครับ นอกจากนั้นยังเหมาะกับสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ เช่นโบโลเนสเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเหมาะมากหากเป็นโบโลเนสที่ทำจากเนื้อสัตว์หนักๆ มันเยอะๆ เช่นเนื้อวัว เนื้อหมูป่า เป็นต้น ไปจนถึงชีสพาเมซาน หรือชีสที่ถูกเอจมานานๆ ซึ่งทั้งกลิ่นและรสเค็มจะเข้ากับไวน์มากๆ ครับ

  • Barolo – ด้วยกลิ่นเฉพาะตัวบางอย่าง ทำให้เหมาะกับทรัฟเฟิลเป็นพิเศษครับ จับคู่กับสปาเก็ตตี้ครีมซอสทรัฟเฟิลซักจานก็จะสวรรค์เลยครับ!
  • Barbaresco – จับคู่กับบลูชีส ไปจนถึงเห็ดพอร์ชินี ได้อย่างดีเยี่ยม  

Barbera – เป็นไวน์ที่จับคู่กับอาหารได้ง่ายที่สุด! ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย ผักตระกูลหัว เห็ด ไปจนถึงเมนูที่มี tannin สูง อีกทั้งยังเข้าได้ดีกับอาหารอิตาเลี่ยนโดยเฉพาะในเมนูท้องถิ่นเพียมอนเตเช่น พาสต้าครีมชีส tajarin, ไก่ต๊อก และ สตู porcini

Moscato Bianco – เข้ากับเนื้อสัตว์ปีกบางชนิดเช่นไก่ เป็ด และ ไก่ง่วง รวมไปถึงซีฟู้ดต่างๆ แต่หากเป็นเนื้อปลาจะเข้ากับปลาที่เนื้อไม่หนักมาก เช่นแฮลิบัตและคอด ส่วนสมุนไพรที่เข้ากับ Moscato คือชนิดที่มีกลิ่นสดชื่น ไม่ค่อยครีมมี่มากเกินไปเช่นอบเชย ขิง ข่า มะนาว ไปจนถึงสารแน่ เหมาะกับอาหารรสเผ็ด เช่นอาหารไทยหรืออาหารอินเดียเป็นอย่างมาก

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ