fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

มาเรียนรู้ Sauvignon Blanc เเบบละเอียดยิบ

August 14, 2020

“Sauvignon Blanc” ไวน์ขาวสุดฮิตที่ครองใจผู้ผลิตทั้งในฝรั่งเศส นิวซีเเลนด์เเละอีกมากมาย มาดูกันว่าเจ้าองุ่นพันธุ์ Sauvignon Blanc นี้เขามีดีอะไรทำไมถึงได้เป็นองุ่นขาวที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมไวน์


ไวน์แนะนำ



องุ่น Sauvignon Blanc (โซวีญง บล็อง) เป็นองุ่นที่ใช้ทำไวน์ขาว มีลักษณะเป็นสีเขียวประกาย เป็นองุ่นที่มักนำไปผลิตไวน์สไตล์ dry โดยลักษณะที่โดดเด่นคือ ความสดชื่นจากผลไม้ทั้งกีวี่,มะนาวเเละเเอปเปิ้ลเขียว รวมไปกลิ่นของสมุนไพร เช่น พริกหยวก, ใบโหระพา, ตะไคร้และผักชีฝรั่งอีกด้วย 

Sauvignon blanc เป็นองุ่นที่ออกผลช้า เเต่สุกอย่างรวดเร็ว สภาพอากาศที่เหมาะกับองุ่นพันธุ์นี้จึงต้องมีเเสงเเดดส่องถึง พร้อมกับอุณหภูมิที่พอดี ถ้าเป็นภูมิภาคที่อุ่นหน่อยก็จะมี South Africa, Australia เเละ California ส่วนในที่อากาศเย็นกว่ามักจะเจอที่ Alexander Valley ด้วยความที่เป็นองุ่นสุกง่าย เมื่อเจอกับอากาศที่ร้อนมาก องุ่นก็จะสุกกว่ามากกว่าปกติ พอนำมาทำไวน์ รสชาติเเละ acidity ก็จะไม่ค่อยน่าสนใจ 

คำว่า “sauvignon” นั่นมาจากศัพท์ฝรั่งเศส 2 คำ คือ  Sauvage (ป่า หรือ wild) เเละ Vigne (ต้นองุ่น หรือ vine) ส่วน Blanc ก็เเปลว่า สีขาว มารวมกันจึงกลายเป็น Sauvignon blanc เเปลว่า ป่าสีขาว ซึ่งรูปร่างของใบองุ่นเองก็คล้ายกับองุ่นป่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่นมากมายเป็นสิบๆชื่อ ไม่ว่าจะเป็น Beyaz Sauvignon, Blanc Doux, Blanc Fume, Bordeaux bianco, Douce blanche, Feher Sauvignon,Feigentraube, Fie, Fie dans le Neuvillois, Fume, Fume Blanc หรือ Fume Surin ทั้งหมดนี่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย ดูสิว่าเยอะขนาดไหน

ต้นกำเนิดของ Sauvignon Blanc

องุ่น Sauvignon Blanc มีต้นกำเนิดมาจาก Loire Valley ประเทศฝรั่งเศส มีการวิจัยสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า องุ่นพันธุ์นี้อาจสืบเชื้อสายมาจากองุ่น Savagnin จึงทำให้มีความเกี่ยวข้องกับ Grüner Veltliner, Chenin Blanc, Silvaner เเละ Verdelho รวมถึงองุ่นพันธุ์อื่นที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณตรงกลางของฝรั่งเศส หลังจากนั้น Sauvignon Blanc ก็จะมีการเเพร่กระจายไปเเถว Bordeaux เเละไปเจอกับ Carbernet Franc ทำให้มีองุ่นพันธุ์ใหม่ขึ้นมา คือ Carbernet Sauvignon ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง เป็นอะไรที่น่าเซอร์ไพรส์มาก เพราะองุ่นขาวอย่าง Sauvignon Blanc นั้นเป็นเเม่พันธุ์ขององุ่นเเดง Cab Sav

นอกจากนี้ด้วยความที่ Sauvignon Blanc เเละ Savagnin เป็นญาติกัน ทำให้มีช่วงหนึ่งที่คนสับสนระหว่างสองพันธุ์นี้มาก เพราะมีคาเเร็คเตอร์คล้ายกัน จนมีการวิจัยเเละพิสูจน์ให้เห็นอยู่หลายครั้ง คนถึงค่อยๆเริ่มเเยกออก

รสชาติของ Sauvignon Blanc 

โดยพื้นฐานเเล้ว องุ่น Sauvignon Blanc จะมาพร้อมกับสีเหลืองอ่อนออกไปทางเขียวนิดๆ มี body ที่ไม่หนัก เหมาะกับคนที่อยากดื่มไวน์เเบบสบายๆ มี range ของรสชาติที่เเตกต่างกันออกไปตามสภาพอากาศ ความสุกขององุ่นเเละวิธีการผลิตไวน์ มีทั้งเเบบ dry เเละ sweet ไวน์บางเจ้าก็จะมีรสสดชื่นของมะนาว, แอปเปิ้ลเขียวหรือเสาวรส บางเจ้าก็จะออกนัวๆเเบบลูกพีชสีขาว ถ้าถูกหมักในถังโอีครสชาติก็จะครีมมี่ๆ ออกวานิลลาหรือเนย เเต่ไม่ว่าจะเป็นเเบบไหนก็ช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจากอาการเพลียได้หมดละครับ นอกจากนี้คุณจะรู้สึกผ่อนคลายไปกับกลิ่นหอมของสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็น พริกหยวก, กูสเบอร์รี่ หรือเเม้กระทั้งหญ้า กลิ่นพวกนี้มาจากสารที่ให้ความหอมอย่าง pyrazines รวมถึงสารอื่นๆที่มาจากรสชาติขององุ่น ซึ่งทั้งหมดนี่เเหละครับที่ทำให้ Sauvignon Blanc นั้นเเตกต่างไวน์ขาวตัวอื่นๆ  

องุ่น Sauvignon Blanc เเบบ Old World มักจะถูกผลิตให้มีรสชาติที่ dry มี acidity ที่โดดเด่นและมีกลิ่นหอม ถ้าใครได้กลิ่นก็ต้องหลงรัก Sauvignon Blanc ที่อยู่ในสภาพอากาศเเบบเย็นๆอย่าง Loire Valley  เเละ Bordeaux มักจะให้ความรู้สึกของพวกผลไม้ citrus เเละเเร่ธาตุ เเต่สำหรับ New World อย่างนิวซีเเลนด์หรือออสเตรเลียก็จะมีความหวานกว่า อาจจะมีการเติมน้พตาลงไปนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความเข้มของเท็กซ์เจอร์ รวมถึงจะสัมผัสได้ถึงความสุกขององุ่นเเละรสชาติที่น่าสนใจอื่นๆของผลไม้ เช่น กูสเบอร์รี่

นอกจากนี้ยังมี องุ่น Sauvignon Blanc ในเวอร์ชั่นของไวน์หวานอีก โดยเเหล่งที่เเนะนำเลยก็คือ Sauternes เเละ Barsac เรียกได้ว่า เป็นที่สุดของไวน์หวาน Sauvignon Blanc เลยละครับ 

รวมๆคือเป็นไวน์ขาวที่มีเอกลักษณ์เเละเป็นตัวเองอย่างชัดเจน หลากหลายดื่มง่ายเเละได้ในทุกโอกาส จะดื่มในงานเลี้ยงก็ได้ ดื่มตอนดินเนอร์ก็ดี หรือจะดื่มตอนนั่งดูหนังก็ชิล โดยเฉพาะหนังที่เกี่ยวกับไวน์ จะทำให้คุณเพลินได้อรรถรสสุดๆ

พื้นที่การปลูก Sauvignon Blanc 

เเหล่งการปลูก องุ่น Sauvignon Blanc ที่ขึ้นชื่อเเละเเละเป็นที่รุ้จักกันดีนั้นมีอยู่ 3 เเหล่งครับ คือ Loire Valley (ลัวร์ วัลเล่ย์), Bordeaux (บอร์โดซ์) จากประเทศฝรั่งเศส เเละประเทศไวน์น้องใหม่อย่างนิวซีเเลนด์ ส่วนที่อื่นๆก็มีการปลูกอยู่บ้าง เเต่ไม่เด่นเท่า 3 ที่เเรก

Loire Valley, ฝรั่งเศส

Sauvignon Blanc จากเเหล่งต้นกำเนิด Loire Valley มักจะมีรสชาติของเเร่ธาตุเป็นตัวนำเเละมีกลิ่น smoky เล็กๆ รวมทั้งมีรสชาติของผลไม้ citrus, มะนาว, หญ้า, ฮันนี่ดิว เมล่อน, เกรปฟรุ๊ตเเละกูสเบอร์รี่ มี acidity คมๆเเละ body เเบบเบาๆ สำหรับไวน์ตัวไหนที่เด็ดมากๆ เป็นไวน์ high-end ใน Loire Valley เลย เขาจะมาพร้อมกับรสผลไม้อย่างลูกพีชสีขาว, เฟนเนลเเละตะไคร้เพิ่มเข้ามา มีระดับเเอลกอฮอล์เเละ body ที่มากขึ้น จาก light เป็น medium นอกจากนี้ถ้าปีไหนอากาศอุ่นกว่า รสชาติเเละกลิ่นไวน์ก็จะเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง เป็น stone-fruit (ผลไม้ที่ออกผลเดี่ยว มีเมล็ดแข็ง) เเทน 

สภาพอากาศที่นี่เข้ากับองุ่น Sauvignon Blanc ได้ดี ระดับ acidity เเละตำนานมีความบาลานซ์กัน ซึ่งความบาลานซ์นี่เเหละครับที่เป็นตัวกำหนดความเข้มข้นของกลิ่นดินของที่นี่เต็มไปด้วยเเร่ธาตุ โดยลักษณะดินหลักๆของที่นี่มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ

Terre Blanche: เป็นดินที่มีการผสมผสานกันของดินเหนียว หินปูน Kimmeridgianเเละเปลือกหอยนางรม ส่งผลให้ไวน์ Sauvignon blanc มีรสชาติฟรุ๊ตตี้และมีมิติ 

Caillotes:  เป็นดินที่มีก้อนกรวดขนาดเล็กของหินปูน Oxfordian ไวน์ที่ออกมามักมีกลิ่นหอมที่ละเอียดอ่อน เเละมีความเข้มที่น้อยกว่า Terre Blanche

Silex: เป็นดินตะกอนชนิดหนึ่งที่มีหินเหล็กไฟเป็นส่วนประกอบ พบได้ใน Sancerre สามารถเก็บความร้อนแม้ในพื้นที่เย็น ไวน์ Sauvignon blanc จะออกมามีความเป็นเเร่ธาตุเเละ smoky 

อย่างไรก็ตามเเต่ละเขตใน Loire Valley นั่นไม่ได้ผลิต Sauvignon Blanc ออกมาได้เหมือนกันเป๊ะๆขนาดนั้น โดยผมจะยกตัวอย่างจากเขตที่มีการผลิตจำนวนมากมาให้ มาดูกันครับว่า จุดเด่นของเเต่ละที่มีอะไรบ้าง

Reuilly: ไวน์ Sauvignon blanc มีความฟรุ๊ตตี้เเละสดชื่น ตามมาด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้เเละสมุนไพร  ดื่มเเล้วให้ความรู้สึกเเบบถึงความสมดุลที่อยู่ในปาก

Quincy: รสชาติจะคล้ายกับไวน์ใน Reuilly เเต่จะมีกลิ่นของผลไม้ citrus พร้อมกับพริกไทยเเละดอกไม้สีขาว

Menetou-Salon: ไวน์ Sauvignon Blanc ของที่นี่จะมีทั้งความสดชื่นเเละสดใสเลยครับ ให้ความรู้สึกเต็มปากเต็มคำ บาลานซ์กันได้ดี เเละมีกลิ่นอายของดอกมัสกี้ เครื่องเทศเเละ citrus เเถมมาด้วยครับ

Sancerre: ไวน์ในเขตนี้ส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติ dry มาพร้อมกับความสดใสและมีชีวิตชีวา ซับซ้อน มีรสชาติของ citrus เเละเเร่ธาตุเเบบโดดเด่น เมื่อดื่มก็จะสัมผัสถึงเท็กเจอร์ของไวน์ได้อย่างชัดเจน 

Pouilly-Fumé: น้ำหนักของไวน์ Sauvignon blanc ที่นี่จะพอๆกับ Sancerre เเต่ซอฟต์เเละเข้มกว่า เเละมาพร้อมกับกลิ่นของพวกผลไม้ citrus

สำหรับใครที่ชอบเเบรนด์ Gitton Pere & Fils เเนะนำให้ลอง La Vigne Du Larrey 2015 หรือ Les Montachins 2017 ดูครับ

Bordeaux, ฝรั่งเศส 

ปกติเเล้ว Bordeaux เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์เเดง เเต่เชื่อไหมครับที่นี่ก็ติดโพลเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ผลิต Sauvignon Blanc ออกมาได้ขั้นเทพที่สุด ซึ่งเจ้าของตำเเหน่งนี่ก็คือ Pessac-Léognan (ให้รสชาติของกีวี่ เลม่อน ตะไคร่ มีความครีมมี่) เเละ Graves ในกระบวนการผลิตมีผู้ผลิตบางรายจะผสม Sauvignon Blanc ไปกับ Sémillon หรือบางครั้งก็จะเป็นองุ่น Muscadelle ซึ่งส่วนใหญ่จะมี body เเบบเบาๆ ไม่หนักมาก มาพร้อมกับ acidity ที่สูง มีรสชาติของเลม่อน หญ้าเเละเเร่ธาตุ  

นอกจากนี้ยังมีการผลิตที่เเตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ เพราะจะเกี่ยวข้องกับการใช้ lees เเละใช้ถังโอ๊ค ซึ่งจะให้รสชาติที่คมเข้มขึ้น รวมทั้งให้ความรู้สึกของต้นไม้ที่มีชื่อว่า สายน้ำผึ้งเเละ stone fruit อย่าง Château Haut-Brion Blanc ก็เป็นตัวอย่างของไวน์ Sauvignon Blanc รุ่นท็อปได้ดี ใครมีโอกาสได้ลองชิมนี่ถือว่าโชคดีสุดๆไปเลย

นิวซีแลนด์

อีกหนึ่งประเทศเเถวหน้าของการปลูก Sauvignon Blanc คือ นิวซีแลนด์ ประเทศเเห่งไวน์น้องไวน์ที่มีการผลิตไวน์มาไม่มีกี่ 10 ปี เเต่ก็สามารถสร้างจุดยืนของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว นอกจาก Sauvignon Blanc จะเป็นไวน์ชื่อดังของที่นี่เเล้ว ตัวองุ่นเองก็ได้รับเกียรติอย่างมากจากประเทศนี่ เพราะเป็นถึงองุ่นที่ถูกปลูกมากที่สุดในนิวซีเเลนด์ โดย Sauvignon Blanc ของนิวซีเเลนด์นั้นมีการปลูกครั้งเเรกในภูมิภาคไวน์ Marlborough ในปี 1975 จากผู้ผลิตที่มีชื่อว่า Frank Yukich เเละหลังจากนั้นปริมาณก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นที่ชื่นชมว่า เป็นผู้ผลิตไวน์ Sauvignon Blanc สไตล์ไลกใหม่ออกมาได้ดีที่สุด  

ภูมิภาคไวน์ Marlborough เป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่ององุ่น Sauvignon Blanc มาก ดินทรายปนกรวด มีสภาพอากาศเเบบ Maritime เป็นประเทศที่มีเเดดเเรงตอนกลางวันมีความอุ่นๆ กลางคืนมีลมเย็นจากมหาสมุทร ไวน์ที่ออกมามักจะมีรสชาติผลไม้ที่กังวาน มี acidity คมกริบ มาพร้อมกับรสชาติของพริกหยวก, ลูกเเพร์, กูสเบอร์รี่และเสาวรส บวกกลิ่นหอมของก้านมะเขือเทศ, ผลไม้ citrus เเละกลิ่นหญ้าที่เพิ่งถูกตัด รวมทั้งมีการเติมความหวานอีกเล็กน้อยประมาณกรัมหรือสองกรัม เพราะว่า acidity นั้นเข้มมากจริงๆ จึงเอาความหวานความตัดกัน 

องุ่น Sauvignon Blanc จากภูมิภาคไวน์อื่นในนิวซีเเลนด์…

Hawke’s Bay: ปกติเเล้วที่จะเด่นไวน์ Merlot สไตล์ blend เเต่ Sauvignon Blanc ก็ไม่ได้ไก่กาครับ โดยรสชาติมีรสผลไม้นำ มีความครีมมี่เบาๆจากโอ๊ค

Gisborne: Sauvignon Blanc ที่นี่จะให้รสชาติฟรุ๊ตตี้จากผลไม้เมืองร้อน เช่น ฝรั่ง, สับปะรด เเล้วก็ให้ความรู้สึกของ critrus อีกเล็กน้อย

Central Otago: ภูมิภาคไวน์ที่อยู่ใต้สุดของนิวซีเเลนด์นี่ผลิต Sauvignon Blanc ออกมาได้เลิศรส มาพร้อมกับรสชาติของเสาวรสเเละสับปะรด มี finish เเบบ dry คล้ายเท็กซ์เจอร์ของหินเป็นรสปิดท้าย

ออสเตรเลีย

สำหรับประเทศออสเตรเลียเเล้วเป็นประเทศที่มีอากาศค่อนข้างร้อน การปลูกองุ่น Sauvignon Blanc จึงเหมาะที่จะอยู่ในบริเวณที่มีอากาศเย็นกว่าอย่างเช่น เเถว Adelaide Hills, เเม่น้ำ Margaret เเละทางตอนใต้ของประเทศ โดยไวน์จะมีรสชาติเเตกต่างกันไป Sauvignon Blanc จาก Adelaide Hills เเละทางใต้ของประเทศจะมีรสชาติของกีวี่, ฮันนี่ดิวเเละลูกพีชขาว มาพร้อมกับ body เเบบเบาๆนุ่มลิ้นเเละมี acidity ปานกลาง ส่วนบริเวณเเม่น้ำ Margaret จะมี acidity ที่สูงกว่า รสชาติจะไปทางเเร่ธาตุ, พริกหยวกเเละเสาวรส ไวน์ตัวไหนมักในถังโอ๊คก็จะมีเท็กซ์เจอร์เเบบครีมมี่ประมาณหนึ่ง อย่าง Kono Sauvignon Blanc, 2019 ก็ไม่เเรงมากครับ ดื่มเป็น everyday drink ได้ชิลๆเลย

เเอฟริกาใต้

ถึงเเม้เเอฟริกาใต้จะมีอากาศที่ค่อนข้างอุ่นเเละเเห้ง เเต่คุณภาพ Sauvignon Blanc ที่ผลิตออกมานั้นดีเหลือเกิน โดยเฉพาะไวน์แบบ unoaked จาก Western Cape ซึ่งเขตการผลิตไวน์ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Stellenbosch, Franschhoek หรือ Elgin ต่างก็มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ Sauvignon Blanc ที่มีความ powerful ได้สัมผัสเท็กเจอร์เเบบเต็มปาก ให้ความรู้สึกของพวกสมุนไพรสีเขียว, พริกหยวกเขียวเเละผลไม้อย่างฝรั่ง มี body เเละ acidity เเบบกลางๆ    

อเมริกา

ในประเทศนี้มีหลายภูมิภาคที่ปลูก Sauvignon Blanc เช่น Napa, Sonoma เเละ Columbia Valley เป็นต้น

Napa Valley: ไวน์ Sauvignon Blanc จะมีรสชาติหลักของลูกพีชสีขาว, เกรปฟรุ๊ต, และฮันนี่ดิว มี body, acidity เเละเเอลกอฮอล์เเบบกลางๆ

Sonoma: รสชาติหลักๆจะมีฮันนี่ดิว สับปะรดเเละเเอปเปิ้ลเขียว มี body, acidity เเละเเอลกอฮอล์เเบบกลางๆ เหมือนที่ Napa Valley

Columbia Valley: เปิดรสชาติมาด้วยรสมะนาว, เกรปฟรุ๊ตเเละเเร่ธาตุ มี body ที่เบา เเต่มาพร้อม acidity ที่สูง

วิธีเสิร์ฟ Sauvignon Blanc ให้อร่อยที่สุด 

จะดื่มไวน์ Sauvignon Blanc ให้อร่อย ขั้นตอนเเรกต้องเริ่มจากการใช้เเก้วเลยครับ คุณควรจะใช้เเก้วที่เหมาะสำหรับไวน์ขาว light-bodied ที่มีเเคบลงเเละสูงขึ้นมาหน่อย จะช่วยเก็บกลิ่นหอมเเละรักษาอุณหภูมิของไวน์ได้อย่างดี เพราะไวน์ขาวส่วนใหญ่นั้นต้องดื่มในตอนที่มีอุณหภูมิเย็นๆ อย่าง Sauvignon Blanc จะอยู่ที่ 8 องศา เเต่ถ้าเป็นเเบบหมักในถังโอ๊ค อุณภูมิสูงขึ้นมาหน่อยคือ 11 องศา เเละอย่าลืมดื่มไวน์ให้ถูกวิธีด้วยนะครับ นอกจากจะทำให้คุณสัมผัสรสชาติที่เลิศเลอเเล้ว ยังทำให้ดูเท่เเบบเซียนไวน์อีกต่างหาก 

จับคู่อาหารกับ Sauvignon Blanc

ลักษณะของ Sauvignon Blanc คือไวน์ที่มีกลิ่นสมุนไพรอยู่เเล้ว การจับคู่ไวน์กับอาหารที่มีกลิ่นเเละรสชาติของสมุนไพรจึงเป็นอะไรที่เหมาะเเละควรมากๆ โดยเฉพาะพวกสมุนไพรที่มีสีเขียว เช่น กะเพรา, โหระพา, ผักชีเเละมิ้นต์ เมื่อรสชาติเหล่านี้มาเจอกันก็จะให้ความรู้สึกที่สมดุลสุดๆเลยครับ

เนื้อสัตว์

ส่วนเนื้อสัตว์ก็สามารถเลือกจับคู่ได้หลากหลายเช่นกัน เเต่ที่อยากจะเเนะนำคือ ไวน์ Sauvignon Blanc นั้นมีความเบาอยู่เเล้ว จึงควรเลือกเนื้อที่ไม่หนักมาก จะได้ไม่มากลบรสชาติของไวน์ อย่างเช่น เนื้อที่มีสีขาว, เนื้อไก่, ไก่งวง, ปลากระพง, ปลาเเซลมอน,ปู, กุ้งล็อบสเตอร์, หอยกาบ, หอยนางรมเเละหอยเเมลงภู่ เป็นต้น 

มังสวิรัติ

ถ้าใครเป็นสายมังสวิรัติ เเนะนำให้ลองทานไวน์ Sauvignon Blanc คู่กับเมนูผักที่มีความมันขึ้นมาหน่อยครับ acidity จากไวน์จะได้มีความเด่นชัด เช่น อาหารฝรั่งเศสอย่างคีชหน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus quiche), ลาซานญ่า, รีซอตโต, พาสต้าเเบบมังสวิรัติ หรือจะเป็นผักกับน้ำสลัดครีมเเบบบ้านเราก็ได้ครับ

ชีส

เเนะนำให้เลือกชีสที่มีทั้งรสเค็มเเละเปรี้ยว อย่างชีสนมเเพะ, burrata, mozzarella di bufala, goat gouda, feta, parmesan, ricotta salata หรือจะเป็นครีมชีสเเละโยเกิร์ตก็ได้ สามารถเข้ากับ Sauvignon Blanc ได้ดีเหมือนกันครับ

เเต่ถ้าใครอยากจับคู่ Sauvignon Blanc กับอาหารเเบบคลาสสิคสไตล์ Loire Valley ก็ต้องชีสนมเเพะที่เรียกว่า Crottin de Chavignol เลยครับ รสชาติก็จะครีมมี่ มีกลิ่นนิดหน่อย การจับคู่เเบบนี้ฮิตไปทั่วโลกเลยนะครับ ถึงขนาดชมว่าเป็น classic perfect pairing หรือคู่คลาสสิคสุดเพอร์เฟ็กต์นั่นเอง เเต่ถ้าใครไม่สามารถหาชีสเเบบนี้ได้ เเนะนำให้หาชีสที่มีลักษณะคล้ายๆกันมาลองครับ ความรู้สึกที่ได้ก็จะใกล้ๆกัน

 

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ