fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

Sassicaia อาวุธลับของสุดยอดไวน์อิตาเลี่ยน

August 17, 2020

Sassicaia ก็ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกไวน์ Super Tascun รายสำคัญของอิตาลีเลยครับ โดยถึงแม้ว่า Sassicaia จะไม่ได้มีความเป็นมายาวนานเป็นร้อยเป็นพันปีเหมือนกับตระกูลอื่นๆ แต่ว่าผลงานก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร ด้วยพื้นที่ที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตไวน์ที่คุณภาพโดดเด่นจนนักวิจารณ์เคยเทคะแนนให้ 100 เต็มกับไวน์ Sassicaia มาแล้ว! 


ไวน์แนะนำ



ประวัติความเป็นมาของ Sassicaia

Sassicaia เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ Tenuta San Guido ซึ่งนอกจากโด่งดังเรื่องไวน์ Super Tuscan แล้ว ยังมีชื่อเสียงเรื่องม้า และนกอีกด้วยครับ ซึ่งแม้ Tenuta San Guido จะเริ่มธุรกิจไวน์ทีหลัง แต่ก็โด่งดังไม่แพ้ผู้ผลิตไวน์อิตาเลี่ยนที่แสนเก่าแก่เลยครับ โดยเริ่มต้นเมื่อปี 1920 เมื่อเจ้าของกิจการ  Tenuta San Guido ที่มีชื่อว่า Marchese Mario Incisa della Rocchetta ประสงค์ที่จะปลูกองุ่น ทำไวน์ดื่มทานกันเองภายในครอบครัว จนเมื่อปี 1940 เขาจึงตกลงซื้อที่พื้นที่ Tenuta San Guido บริเวณชายฝั่ง Tyrrhenian coast เขาทดลองกับพันธุ์องุ่นหลากหลายจนสุดท้ายก็ได้องุ่น Cabernet Sauvignon จากฝรั่งเศส ซึ่งปลูกได้ดีในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการปลูกองุ่นสายพันธุ์อิตาลีดั้งเดิมอย่าง Sangiovese  และ Nebbiolo ไปด้วยครับ

ถึงแม้ว่า Marchese จะลองนำไวน์ของตนออกไปสู่สาธารณะอยู่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่นักดื่มชาวอิตาเลี่ยนเท่าไหร่ ทำให้ตั้งแต่ปี 1948 ไปจนถึง 1967 ไวน์ของ Tenuta San Guido ถูกบริโภคกันในวงใน เพื่อนฝูง และเครื่องญาติเท่านั้นครับ

ซึ่งต่อมา Marchese ได้พัฒนาอาคารเก็บไวน์ใหม่ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้คุณภาพของไวน์ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งเพื่อน และครอบครัวของเขาต่างอยากให้ Marchese เริ่มผลิตไวน์เพื่อในเชิงพาณิชน์ จนในที่สุดในปี  1968 ไวน์ภายใต้ชื่อ Sassicaia จึงถูกขายอย่างแพร่หลาย และได้การยอมรับเป็นอย่างดี ถึงขนาดมีการเปรียบเทียบคุณภาพไวน์ Sassicaia กับ Premier Cru ของบอร์โดซ์ครับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไวน์ Sassicaia ก็ถูกพัฒนาทั้งคุณภาพและปริมาณทางการผลิต จนกลายเป็นหนึ่งในไวน์อิตาเลี่ยนที่น่าจับตามองมากๆ ครับ!

พื้นที่ของ  Sassicaia

วินยาร์ดของ Sassicaia ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 560 ไร่ ในเขตที่เรียกว่า Maremma ซึ่งอยู่ในแคว้นทัสคานี โดยได้รับ DOC appellation เป็นของตนเอง อันมีชื่อเรียกว่า Bolgheri Sassicaia ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โด่งดัง และเต็มไปด้วยวินยาร์ดดังๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือินยาร์ดของ Ornellaia เป็นต้นครับ

โดยพื้นที่มีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี เพราะหน้าร้อนจะได้อิทธิพลจากลมทะเลเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ ส่วนหน้าหนาวจะได้แนวเขาคอยบังลมหนาวที่พัดมาจากทางทิศเหนือครับ นอกจากนั้นสภาพดินก็เป็นสิ่งสำคัญมากครับ โดยพื้นที่ของวินยาร์ด Sassicaia เป็นพื้นที่ที่มีการยกตัวสูงขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้มีสภาพดินที่มีเอกลักษณ์มากกว่าพื้นที่ราบอื่นๆ ซึ่งตรงจุดนี้ถูกพิสูจน์แล้วในงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Pisa อันเป็นข้อพิสูจน์ว่าทำไมองุ่นของ Sassicaia จึงมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่มีระดับน้ำตาล tannin และรสชาติที่เข้มข้นกว่าองุ่นทั่วไปนั่นเองครับ

ไวน์ของ Sassicaia

เน้นไปที่การผลิตไวน์แดงเบลนด์สไตล์บอร์โดซ์ หรือที่รู้จักกันในนาม Super Tuscan ในหมู่ไวน์อิตาลีครับ โดยจะเป็นการเบลนด์ระหว่างพันธุ์องุ่น Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc ซึ่งส่วนมากจะเน้นไปที่ Cabernet Sauvignon ที่ประมาณ 70% – 85% ครับ ซึ่งรสชาติของไวน์จะแตกต่างไปในแต่ละวินเทจน์ครับ

Sassicaia, 1985

พูดถึงไวน์ Sassicaia ก็ต้องขอพูดถึงวินเทจน์นี้ก่อนเลย เพราะอาจเรียกว่าเป็นปีที่ทำให้ Sassicaia โด่งดังไปทั่วโลก โดยมีสภาพอากาศที่อบอุ่นสม่ำเสมอทั้งปี ด้วยปริมาณน้ำฝนน้ำ และหน้าร้อนที่ร้อนมากๆ ทำให้องุ่นมีรสชาติเข้มข้น

ไม่ใช่แค่ James Suckling ที่ให้ไวน์ตัวนี้ไป 100 คะแนนเต็ม แต่ Robert Parker และนักวิจารณ์สำนักอื่นก็ต่างเทใจให้ไวน์ตัวนี้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยเลยนะครับ

“เคอเรนท์ แบล็คเบอร์รี่ แบล็คเชอร์รี่ และชะเอมเทศ รวมไปถึงมิ้นท์ ส่งกลิ่นหอมอบอวน ด้วยรสสัมผัสนุ่มนวลเย้ายวน หนักแน่นและสมดุลในเวลาเดียวกัน เป็นไวน์ที่แอบซ้อนทุกอย่างเอาไวน์ รอคอยให้คุณมาค้นพบ ทำให้ผมนึกถึง 1959 Latour เต็มไปด้วยรักอันหวานหอม ที่ควรค่าต่อการขนานนามว่าเป็นไวน์ในตำนาน ควรค่าแก่การตื่มอย่างยิ่ง” – James Suckling

Sassicaia, 1998

เป็นปีที่มีฝนไม่มาก อากาศร้อนพอประมาณ จึงได้องุ่นรสชาติเข้มข้น รสชาติยอดเยี่ยมโดดเด่นกว่าปีอื่นๆ ครับ

James Suckling ให้ไป 98 คะแนน

“นี่คือไวน์สุดยอดไวน์ Sassicaia ที่ดีที่สุด ตั้งแต่วินเทจน์ขั้นเทพปี 1985 ซึ่งเป็นไวน์รสชาติเข้มข้นทุกขณะ มีหลายเลเยอร์ ซับซ้อน ทรงพลัง และสวยงามด้วยโน้ตของใบยาสูบ เบอร์รี่ พลัม และเคอเรนท์ เป็นไวน์ full-bodied ที่มี tannin ชัดเจน ตอนจบยาวนาน งดงาม และตราตรึง ดื่มได้เลยทันที หรือจะเก็บไวน์ ก็ได้แล้วแต่คุณเลย!” – James Suckling

Sassicaia, 2009

เป็นปีที่มีอากาศดีทั้งปี ซึ่งอาจมีอุณหภูมิต่ำกว่าระดับอุณหภูมิมาตรฐานซักเล็กน้อย ทำให้ได้ไวน์ที่มีรสชาติสมดุล และโดดเด่นอย่างมากครับ

James Suckling ให้ไป 98 คะแนน

“มีรสชาติที่ค้างอยู่บนลิ้นที่ยาวนาน เข้มข้น และสุดยอดมากๆ เต็มไปด้วยความซับซ้อนที่เกิดขึ้นมากมายในไวน์ พร้อมความหนักหนวงที่สมดุล สวยงาม เต็มปากเต็มคำด้วยความชุ่มฉ่ำ และโน้ตของผลไม้ที่ดึงรสชาติยาวนาน แข็งแกร่งและอ่อนช้อย ยิ่งเอจจิ้ง ก็จะยิ่งอร่อยขึ้นเรื่อยๆ” – James Suckling

วินเทจน์อื่นๆ ที่น่าจับตามองสำหรับ Sassicaia: 2016, 2007, 2006, 2004, 2003, 2001, 1999, 1996, 1995, 1990, 1988, 1982, 1978 และ 1975

จับคู่ไวน์ Sassicaia กับเมนูโปรดของคุณ

จับคู่กับเมนูที่เป็การต้ม หรือการตุ๋นได้เป็นอย่างดีครับ ตั้งแต่เมนูสตู หรือเนื้ออบ ไปจนถึงชีสที่ผ่านการเอจจิ้งมาอย่างยาวนาน เช่นบลูชีสเป็นต้น โดยเมนูหนึ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการจับคู่กับ Sassicaia คือ Osso Bucco ซึ่งเป็นสตูสไตล์มิลาน ตุ๋นเนื้อน่องลายกับหอมหัวใหญ่ แคร์รอต ใบไทม์ กระเทียม โรสแมรี มะเขือเทศ และไวน์แดง จนเนื้อนุ่มละลายในปากทานคู่กับข้าวรีซอตโตหรือมันบดรสละมุน

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ