fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

ทำความรู้จักไวน์อาร์เจนติน่าแห่งอเมริกาใต้!

August 10, 2020

ไวน์อาร์เจนติน่า (Argentina wine) น่าสนใจกว่าที่หลายๆ คนคาดคิด หลายๆ คนจะติดภาพในต้นยุค 2000 ที่ไวน์อาร์เจนติน่าเริ่มเข้ามาในตลาดด้วยราคาถูกแสนถูก แต่คุณภาพก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันนะครับ… ได้ปัจจุบันนี้ไวน์อาร์เจนติน่า หรือ Argentina wine เริ่มพัฒนาคุณภาพจนเป็นที่น่าจับตามอง ตั้งแต่ Malbec สีเข้มทึบรสละมุน ไปจนถึงพื้นที่ผลิตไวน์ที่ขยายตัวเร็วที่สุดในอเมริกาใต้อย่าง Calchaquí Valley!


ไวน์แนะนำ



อาร์เจนติน่า เป็นประเทศที่มีพื้นที่เยอะ ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของทวีปอเมริกาใต้ เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศแบบ semi-arid desert หรือเป็นพื้นที่ที่แห้งและร้อน แต่ไม่ถึงขนาดทะเลทราย ช่วงกลางวันจะร้อน สามารถขึ้นส่งได้ถึง 40 องศา ส่วนช่วงกลางคืนจะหนาว อุณหภูมิสามารถลงต่ำได้ถึง 10 องศา ซึ่งสภาพอากาศแบบนี้จะอยู่ฝั่งตะวันตก ตามแนวของเทือกเขาแอนดีสติดๆ กับประเทศชิลี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกองุ่นได้ดีที่สุด เพราะแม้ในหน้าร้อนที่ทั้งร้อนและแห้ง แต่น้ำแข็งจากบนยอดเขาแอนดีส สามารถละลายและไหลลงมาสู่องุ่นของ ‘ไวน์อาร์เจนติน่า’ ในวินยาร์ดบริเวณตีนเขาได้นั่นเองครับ

ความเป็นมาของไวน์อาร์เจนติน่า

เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ ที่ไวน์ถูกนำเข้ามาในช่วงปี 1500 -1600 โดยนักล่าอาณานิคมสเปน และนักบวชคริสเตียน ซึ่งจนถึงประมาณปี 1900 อาร์เจนติน่ามุ่งเน้นการผลิตไวน์อาร์เจนติน่าราคาถูก ไม่เน้นคุณภาพ เพื่อตัดเลี่ยนเมื่อดื่มคู่กับอาหารอาร์เจนติน่าที่จะมีรสชาติหนัก และเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ นิยมไวน์ที่เป็น table wine หรือ everyday wine มากกว่า จำนวนไวน์ที่ส่งออก น้อยกว่า 1% เสียอีกครับ

แต่ต่อมาในช่วงต้นปี 2000 ที่การท่องเที่ยวและคมนาคมเริ่มบูมขึ้นมาในอาร์เจนติน่า พื้นที่ปลูกองุ่นถูกขายต่อกันในราคาถูกแสนถูก อีกทั้งอุปกรณ์ในการทำไวน์จากยุโรปเริ่มไหลเข้ามาในภูมิภาค ทำให้อาร์เจนติน่าเริ่มส่งออกไวน์ไปทั่วโลก อาจเริ่มต้นด้วยไวน์ราคาถูก แต่ต่อมาเริ่มพัฒนาคุณภาพและเอกลักษณ์ของไวน์จนได้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นนั่นเองครับ!

องุ่นในอาร์เจนติน่า

พื้นที่สำหรับปลูกองุ่นส่วนใหญ่ของอาร์เจนติน่าจะมีลักษณะคล้ายทะเลทราย ที่แห้งและร้อน และเย็นในเวลากลางคืน ซึ่งเหมาะกับการปลูกองุ่นแดงเป็นอย่างยิ่ง จึงเน้นในการผลิตไวน์แดงนับเป็นปริมาณประมาณ 58% ของผลผลิตไวน์ทั้งหมด 24% เป็นไวน์เบลนด์ หรือโรเซ่ ที่เหลือ 18% เป็นไวน์ขาวครับ

พันธุ์องุ่นแดงที่โด่งดังคือ ได้แก่ Malbec, Bonarda, Cabernet Sauvignon, Syrah, Tempranillo, Merlot และ Pinot Noir ส่วนองุ่นขาว สายพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ดีคือ Torrontés Riojano, Chardonnay, Sauvingon Blanc, Chenin, Torrontés, Sanjuanino, Viognier และ Semillón

Argentina Malbec

โดยองุ่นที่เป็นดังเรือธงของ ‘ไวน์อาร์เจนติน่า’ นำเสนอรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์แดงอาร์เจนติน่าได้ดีที่สุด ก็คงตกเป็นของ Malbec เขามาในแผ่นดินอาร์เจนติน่าเมื่อปี 1853 ซึ่งมีการปลูกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา เอกลักษณ์คือสีม่วงอมน้ำเงินเข้ม ได้ไวน์แดงสีแดงม่วน full-bodied มี tannin ที่ละเอียดอ่อน ส่วนกลิ่นจะขึ้นอยู่กับดินที่ปลูก แต่หลักๆ คือจะได้โน้ตของเชอร์รี่ สตอเบอร์รี่ พลัม ลูกเกด และพริกไทย ซึ่งสามารถเอจและพัฒนาเป็นโน้ตกาแฟ วานิลลา และช็อกโกแล็ตได้ด้วยครับ

นอกจากนั้น Bonarda ยังเป็นองุ่นอีกสายพันธุ์ที่ปลูกได้ดีในอาร์เจนติน่า เนื่องจากเป็นองุ่นที่ทนอากาศร้อนได้ดี จึงได้ผลผลิตเยอะรองลงมาจาก Malbec เป็นองุ่นที่มีรสผลไม้ขึ้นจมูกชัดเจนเช่น ราสเบอร์รี่ แบล็คเชอร์รี่ และพลัม อีกทั้งยังมีโน้ตอ่อนๆ ของเทียนสัตตบุษย์ นิยมใช้ในไวน์เบลนด์เพื่อเพิ่มความสดชื่น และความ fruity ให้ไวน์แดงทั่วไปครับ

Classification ไวน์อาร์เจนติน่า 

ด้วยความต้องการให้ไวน์อาร์เจนติน่าเชื่อมโยงกับลักษณะพื้นที่ได้มากที่สุด ทำให้ในปี 1999 คณะ National Institute of Viticulture หรือ INV ได้ออกแบบระบบ Classification พื้นที่ และไวน์ที่ผลิตในพื้นที่นั้นๆ แบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกันครับ

IP (Indicacion de Procedencia) – จัดว่าเป็น table wines คือเป็นไวน์อาร์เจนติน่าเกรดพื้นฐานที่เหมาะกับการดื่มวันต่อวันครับ

IG (Indicacion Geografica) – เป็นไวน์อาร์เจนติน่าที่ผลิตจากองุ่นที่ดีขึ้นมา รสชาติแสดงถึงพื้นที่ที่ปลูกองุ่นชัดเจน

DOC – เป็นไวน์อาร์เจนติน่าที่มีคุณภาพสูงที่สุด (คล้ายคลึงกับระบบของฝรั่งเศสครับ)

แผนผังไวน์อาร์เจนติน่า

พื้นที่ปลูกองุ่นและผลิตไวน์อาร์เจนติน่าเกาะกลุ่มกันอยู่บริเวณทางตะวันตกของประเทศของเทือกเขาแอนดีส แต่ต่อมาผู้บุกเบิกไวน์อาร์เจนติน่าได้ทำการขยายพื้นที่ปลูกองุ่น ลองผิดลองถูก จนขยายเขตแดนต่อไปลงใต้ และขยายไปทางตะวันออกเล็กน้อย ก่อให้เกิดพื้นที่สำหรับปลูกองุ่นทั้งสิ้น 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ทางเหนือ, พื้นที่ทะเลทราย desert country ‘Cuyo’ และ Patagonia & Atlantic Region

The North

เป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศรุ่นแรง แห้งแล้ง และมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง ผนวกกับพื้นที่ที่ยกตัวสูงและหน้าร้อนที่ยาวนานที่สุด ทำให้องุ่นได้แสงอาทิตย์เต็มที่ ดินมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย และบางพื้นที่ที่เป็นทรายละเอียด ดีต่อการระบายน้ำเป็นที่สุดครับ ซึ่งองุ่นในพื้นที่นี้จะมีรสชาติเฉพาะตัวขององุ่นที่เติบโตในพื้นที่สูง แต่ได้รับแสงอาทิตย์เยอะ จึงมีโน้ตของผลไม้ชัดเจน ขณะเดียวกันก็รสเข้มข้น

Jujuy

ตั้งอยู่บริเวณมุมตะวันตกเฉียงเหนือของภูมิภาค นับได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีสภาพอากาศโหดที่สุดเลยครับ เพราะเป็นวินยาร์ดที่อยู่บนภูเขาแอนดีส เป็นบ้านของ Moya vineyard ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 10,922 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นวินยาร์ดที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความที่มีแสงแดดเยอะและแห้ง จึงทำให้สามารถปลูก Syrah, Cabernet Sauvignon, Merlot และ Sauvignon Blanc ได้ดีเยี่ยม โดยจะได้ไวน์อาร์เจนติน่ารสเข้มข้น โครงสร้างแข็งแรง สีแดงม่วงเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำ

Calchaquí Valley

เป็นพื้นที่เนินเขาที่ใหญ่ที่ บริเวณทางตอนเหนือของประเทศอาร์เจนติน่าครับ เชื่อมต่อกับพื้นที่กว่า 270 กิโ,เมตร กินเนื้อที่ทั้งหมด 3 จังหวัด ได้แก่ Catamarca, Tucumán และ Salta ซึ่งไวน์ส่วนใหญ่ที่นำไปทำไวน์ในอาร์เจนติน่าเหนือ ก็จะมาจากพื้นที่นี้ (ยกเว้นพื้นที่บนเขาอย่าง Jujuy นะครับ) และยังเป็นพื้นที่ปลูกไวน์ที่ขยายเร็วที่สุดในอเมริกาใต้อีกด้วยครับ สามารถปลูก Malbec, Cabernet Sauvignon, Torrontés, Tannat, Merlot, Cereza, Syrah, Bonarda และ Moscatel

Cuyo

Cuyo เป็นภาษา Huarpe Millcayac แปลตรงตัวได้ว่า ‘desert country’ ตั้งอยู่ติดตะวันตกของอาร์เจนติน่าตอนกลาง ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาแอนดีส เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกองุ่น และทำไวน์หนาเเน่นที่สุด นับเป็น 95% ของไวน์ทั้งหมดในอารา์เจนติน่าเลยทีเดียวครับ! โดยมีอากาศแห้งเล็กน้อย มีหน้าหนาวที่หนาวเย็น ส่วนหน้าร้อนจะร้อนและแห้ง แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยในช่วงต้นหน้าร้อนไร้องุ่นจะได้รับอิทธิพลจากหิมะบริสุทธิ์ที่ละลายลงมาจากยอดเขา โดยประกอบไปด้วย 3 จังหวัด

Mendoza

เป็นจังหวัดที่มีการผลิตไวน์มากที่สุดในอาร์เจนติน่า ถึงประมาณ 75% ของไวน์ทั้งหมดใน Cuyo ซึ่งเป็นที่ตั้งของยอดเขาสูงสุดของเทือกเขาแอนดีสที่เรียกว่ายอด Aconcagua ป้องกันลมหนาวจากชายฝั่งแปซิฟิค ทำให้พื้นที่ Mendoza อบอุ่นอยู่ตลอดทั้งปี นอกจากนั้นยังได้ธารน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ไหลมาจากยอดเขาแอนดีส ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้องุ่นมีรสชาติดีเยี่ยมครับ

โดยตอนกลางของ Mendoza ณ บริเวณ  Luján de Cuyo และ Maipu ถูกขนานนามว่าเป็น ‘the Land of Malbec’ ซึ่งสามารถผลิต Malbec ที่ดีที่สุดของอาร์เจนติน่า ตั้งแต่ผู้ผลิตรายใหญ่ ไปจนถึงผู้ผลิตรายย่อย ที่เน้นการผลิตไวน์คุณภาพโดยไม่ได้ดูที่ปริมาณครับ นอกจากนั้นบริเวณโดยรอบอื่นๆ ของ Mendoza ยังสามารถปลูก Bonarda, Cabernet Sauvignon, Syrah และ Tempranillo ระดับท๊อปเกรดได้อีกด้วยครับ

นอกจากนั้นตามแนวแม่น้ำ Mendoza ทางด้านทิศเหนือของภูมิภาค ยังสามารถปลูกองุ่นสายพันธุ์รองได้ค่อนข้างดี เริ่มตั้งแต่ Chardonnay, Chenin, Ugni Blanc และ Torrontés เป็นต้น

Luigi Bosca – เป็นผู้ผลิตเริ่มต้นกิจการมาตั้งแต่ปี 1901 โดยมีจุดขายที่ไวน์แดงเบลนด์จาก cabernet sauvignon และ Petit Verdot แต่มี Malbec เป็นพระเอก ได้ไวน์สีไวโอเล็ทเข้ม มีกลิ่นผลไม้ชัดเจน ผสมผสานจสมุนไพรรสหวาน ดอกไม้ และควันอ่อนๆ

Lagarde – หนึ่งในผู้ผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในอาร์เจนติน่า เป็นวินยาร์ดเกรด DOC ไม่กี่แห่งที่ผลิตไวน์แดงรสชาติเข้มข้นจาก Malbec 100% ที่ได้รสผลไม้สุกงอม พร้อมกลิ่นอ่อนๆ ของโอ๊ค วานิลลา ช็อคโกแล็ต และควัน

San Juan

San Juan ถือว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญในการปลูกองุ่น ปลูกองุ่นได้เยอะรองลงมาจาก Mendoza ขึ้นชื่อเรื่ององุ่นที่อุดมไปด้วยรสของผลไม้ และสไตล์ที่โดดเด่นในการผลิตครับ มีอากาศที่แห้ง แสงแดดเยอะ อีกทั้งยังมีสภาพดินอันหลากหลาย แต่หลักๆ คือเป็นดินตะกอนแม่น้ำ ที่ผสมระหว่างดินทรายและดินเหนียวครับ

องุ่นหลักของ San Juan คือ Syrah ซึ่งสามารถเติบโตได้ง่ายที่สุด รองลงมาคือ Cabernet Sauvignon และ Bonarda แต่ก็ยังสามารถปลูก Malbec ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ด้วยครับ

Merced del Estero – วินยาร์ดระดับ DOC เก่าแก่ มีมาตั้งแต่ปี 1897 นอกจากผลิตไวน์ที่เป็นที่นิยมเช่น Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc และ Malbec ยังปลูก Torrontés ซึ่งเป็นพันธุ์องุ่นเก่าแก่ หายาก จนได้ไวน์ขาวที่อุดมไปด้วยโน๊ตของดอกกุหลาบ ดอกส้ม และผลไม้เขตร้อนครับ

La Rioja

เป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างอาร์เจนติน่าเหนือ และเขต Cuyo จึงมีแนวเขาสูง อากาศร้อน กลางคืนอบอุ่น และแห้งแล้งอย่างรุนแรง แต่ก็จะชื้นอยู่บ้างหากลงมาทางตอนล้างของ La Rioja ซึ่งองุ่นชูโรงคือ Torrontés Riojano องุ่นสายพันธุ์ท้องถิ่น ที่หาที่อื่นไม่ได้แล้วครับ สามารถทำไวน์ขาวที่มีสีเขียวอ่อนๆ ได้รสผลไม้เข้มข้นครับ

Patagonia & Atlantic Region

เป็นพื้นที่ที่อยู่ตอนกลางของประเทศอาร์เจนติน่าไปสู่อาร์เจนติน่าตอนใต้ และขยายพรมแดนไปสู่ทิศตะวันออกของประเทศ บริเวณชายฝั่งแอตแลนติกที่น้อยคนจะคาดคิดว่าสามารถปลูกองุ่นได้ เนื่องจากอากาศที่หนาวและชื้น แต่จากการทดลอง จึงทำให้รู้ว่าเหมาะกับการปลูกองุ่น cool climate ตั้งแต่ merlot, Pinot noir ไปจนถึง Sauvignon Blanc และ Chardonnay ถึงแม้ว่ารวมแล้วจะสามารถผลิตไวน์ได้เพียง 2% เท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็นพื้นที่ที่มีการทดลองสูงมากครับ

Buenos Aires

เป็นเมืองหลวงของอาร์เจนติน่า อยู่ทางตะวันออกที่สุดของวินยาร์ดอาร์เจนติน่า ซึ่งเพิ่งได้รับการยอมรับเมื่อประมาณช่วงปี 2007 เท่านั้น ซึ่งสภาพอากาศและสภาพพื้นที่ แตกต่างจากวินยาร์ดอื่นๆ ในอาร์เจนติน่าโดยสิ้นเชิง เพราะเป็นพื้นที่ราบ หนาว ชื้น ใกล้กับชายฝั่งทะเล จึงได้องุ่นที่ค่อนข้างไม่เหมือนใคร โดยเหมาะกับองุ่นขาวเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ Sauvignon Blanc และ Chardonnay รสชาติสดชื่นแต่ซับซ้อน นอกจากนั้นสปาร์คกลิ้งไวน์จาก Pinot Noir ในพื้นที่นี้ยังมองข้ามไม่ได้อีกด้วยครับ

La Pampa

La Pampa ตั้งอยู่ใจกลางของอาร์เจนติน่า โดยมีเนินเขาเรียงตัวตั้งแต่ทางตะวันตกยาวไปถึงตะวันออก ทำให้เต็มไปด้วยพื้นที่เนินเขา และหุบเขาที่ก่อตัวเป็นรูปทรงคล้ายพัด อันเหมาะกับการปลูกองุ่น สภาพอากาศค่อนข้างเสถียร ด้วยฤดูร้อนที่อบอุ่น และฤดูหนาวที่หนาวเย็น ด้วยการณ์นี้จึงสามารถปลูกองุ่นที่ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ Malbec, Cabernet Sauvignon, Merlot, Cabernet Franc และ Chardonnay

ใครอยากรู้เรื่องไวน์อเมริกาใต้ตัวอื่นๆ คลิกไปอ่านบทความที่เราเตรียมไว้ให้คุณได้เลยครับ หรือใครอยากจะหาข้อมูลประเทศไวน์ที่อยู่ในอเมริกาใต้เพิ่มเติม ผมขอเเนะนำ ‘ไวน์ชิลี‘ เลย!

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ