fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

ทำความรู้จัก Château d’Armailhac ไวน์คลาสสิคแห่งบอร์โดซ์

August 17, 2020

Château d’Armailhac เป็นไวน์คลาสสิคของบอร์โดซ์ อันเต็มไปด้วยรสชาติเข้มข้นของเบอร์โดซ์เบลนด์ ซึ่งครั้งหนึ่งไวน์ Château d’Armailhac เคยหายไปจากสารบบของไวน์ฝรั่งเศส แต่ก็กลับมาพงาดได้อย่างสวยงามในปัจจุบันนี้ เป็นที่ยอมรับเรื่องรสชาติดั้งเดิม อันเป็นเอกลักษณ์ของ Château d’Armailhac 

 

ไวน์แนะนำ


 

ประวัติความเป็นมาของ Château d’Armailhac

มีความเป็นมาที่ยาวนานเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1680 ซึ่งพื้นที่ Château d’Armailhac มีเจ้าของแรกคือ 2 พี่น้อง Dominique และ Guilhem Armailhacq ซึ่งประมาณปี 1750 ทั้ง 2 พี่น้องได้เริ่มปลูกเถาองุ่นลงในพื้นที่ของเขาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ Médoc ประมาณ 100 ไร่ และต่อมาจึงค่อยๆ ขยายจนกินพื้นที่ประมาณ 325 ไร่ ตั้งแต่ประมาณปี 1700 ถึง 1800 พร้อมๆ กันนั้น Château d’Armailhac ได้พัฒนาเทคนิคการผลิตไวน์ที่มีอิทธิพลจนถึงปัจจุบันนี้ เช่นการฆ่าเชื้อ หรือเพิ่มความสะอาดให้กับไวน์ที่เอจจิ้งไวน์ในถังไม้

แต่อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ Château d’Armailhac ไม่ได้โรยด้วยกรีบกุหลาบเพราะในช่วงปี 1844 ไร่ Château d’Armailhac ตกอยู่ในภาวะหนี้ท่วมหัว จนสุดท้ายต้องขายกิจการบางส่วนให้ Lafite ซึ่งเป็นผู้ผลิตในเครือ Rothschild ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในฝรั่งเศสนั่นเองครับ แต่อย่างไรก็ตามในปี 1855 ไร่ Chateau d Armailhac ก็ได้เกรด Fifth Growth 

ต่อมาในปี 1930 ด้วยอิทธิพลของสงคราม ทำให้กิจการเริ่มกลับมามีปัญหาอีกครั้ง สุดท้ายจึงขายกิจการให้ Baron Philippe de Rothschild อย่างเต็มรูปแบบในปี 1933 ทำให้ไวน์ Château d’Armailhac ที่ผลิตระหว่างช่วงปี 1956 – 1988 ถูกผลิตภายใต้ชื่อ Mouton Baronne Philippe นั่นเองครับ แต่ต่อมาหลังจากการเสียชีวิตของ Baron Philippe de Rothschild ทำให้ Baroness Philippine ผู้เป็นภรรยา ตัดสินใจคืนพื้นที่ให้เจ้าของดั้งเดิม และนำชื่อ Château d’Armailhac กลับมาใช้อีกครั้งในปี 1989 นั่นเองครับ แตค่งานบริหารหลายอย่างก็ยังคงทำร่วมกันกับตระกูล Rothschild ซึ่งตอนนี้ถูกส่งต่อไปสู่รุ่นลูกทั้ง 3 ได้แก่ Philippe Sereys de Rothschild,  Camille Sereys de Rothschild และ Julien de Beaumarchais de Rothschild นั่นเองครับ

พื้นที่ของ Château d’Armailhac

เป็นวินยาร์ดที่มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 435 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางแคว้นบอร์โดซ์ ทางตอนเหนือของพื้นที่ย่อย  Pauillac ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้ง 2 พื้นที่ ได้แก่ Carruades de Mouton plateau และ the Plateau des Levantines et de l’Obélisque ซึ่งประกอบไปด้วยดินผสมกรวดปกคลุมชั้นดินที่มีสภาพเป็นดินเหนียวผสมหินปูน เหมาะกับการปลูกองุ่นที่มีรสชาติเข้มข้น ขณะเดียวกันก็หรูหรา โดยไร่ของ Château d’Armailhac แบ่งการปลูกเป็น 52% ใช้ปลูก Cabernet Sauvignon 36% ปลูก Merlot 10% ปลูก Cabernet Franc และสุดท้ายคือ 2% ปลูก Petit Verdot ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างยิ่งในการผลิตไวน์บอร์โดซ์เบลนด์ที่มีคุณภาพเยี่ยมนั่นเองครับ

ไวน์ของ Château d’Armailhac

Château d’Armailhac มีเรือธงคือไวน์แดงบอร์โดซ์เบลนด์รสเลิศ จึงมุ่งเน้นในการผลิตไวน์ตัวเดียวไปเลย ซึ่งจะทำการหมักในถังสแตนเลสที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ดี ต่อมาจะเอจจิ้งใน ถังไม้โอ๊ค 30% ซึ่งรสชาติที่แตกต่างกันออกไปจะขึ้นอยู่กับแต่ละวินเทจน์

Château d’Armailhac, 2017 – เป็นปีที่มีฤดูร้อนยาวนานกว่าปกติ ทำให้ได้องุ่นผลเล็ก แต่รสชาติเข้มข้น มี tannin ที่หนักแน่น สีเข้ม เป็นไวน์ full-body แต่ขณะเดียวกันก็มีโน้ตที่สดชื่นลงตัวอย่างน่าประหลาดใจของผลไม้สด บิลเบอร์รี ไปจนถึงโน๊ตอ่อนๆ ของพริกไทย ชะเอมเทศ และวานิลลา ซึ่งไปด้วยกันได้อย่างดีเยี่ยมกับกลิ่นของไม้โอ๊คครับ

Château d’Armailhac, 2014 – เป็นปีแห่งความสุดขั่วของสภาพอากาศ ซึ่งมีฤดูใบไม้ผลิที่อากาศแจ่มใส และแห้งกว่าอากาศของบอร์โดซ์ทั่วไป และตามมาซึ่งหน้าร้อนที่ยิ่งร้อนและสดใส มีพายุฝนเข้าบ้างเล็กๆ น้อยๆ จากนั้นช่วงเดือนสิงหาคมที่เย็นและแห้งกว่าปกติ ซึ่งด้วยอากาศที่สดใส แดดเยอะ ทำให้องุ่นสุกเร็ว เต็มไปด้วยโน้ตของผลไม้เข้มข้นทั้งแบล็คเบอร์รี่ เชอร์รี่ แยมผลไม้ ผสมผสานกับโน้ตของเครื่องเทศ และชะเอมเทศ

Château d’Armailhac, 2000 – เป็นปีที่อุณหภูมิมีความสวิงค่อนข้างสูง วัดจากอุณหภูมิของหน้าร้อน ไปจนถึงช่วงฝน มีความแตกต่างกันชัดเจน รวมถึงในเดือนพฤษภาคม มีบันทึกว่ามีพายุเข้า เพิ่มความชุ่มชื่นให้องุ่น โดยเป็นปีที่เบลนด์ขององุ่นประกอบไปด้วย Cabernet Sauvignon และ Merlot ที่ผสมในสัดส่วนที่เกือบจะเท่ากันเลย ทำให้เป็นปีที่ไวน์รสชาติมีเอกลักษณ์อย่างมาก โดดเด่นด้วยความ fruity ของแบล็คเคอเรนท์ และเรดเคอร์เรนท์ อีกทั้งยังเจือๆ ไปด้วยกลิ่นของดอกไม้หอมสดชื่น โครงสร้างไวน์แข็งแรง มี tannin ชัดเจน เป็นอีกวินเทจน์ที่หลายๆ คนห้ามมองข้ามครับ

วินเทจน์อื่นๆ ที่น่าจับตามองของไวน์ Château d’Armailhac : 2019, 2018,  2016, 2015, 2012, 2010, 2009, 2006, 2005 และ 2003 

วิธีจับคู่ Château d’Armailhac กับอาหารเมนูโปรด

Château d’Armailhac เป็นไวน์แดงรสชาติเข้มข้นตามแบบฉบับของบอร์โดซ์เบลนด์อย่างแท้จริง เหมาะอย่างยิ่งกับการจับคู่ทานกับสเต็กแน่ๆ ซักจาน ยิ่งรสชาติมันๆ ได้เท่าไหร่ยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่นเมนูเนื้อสเต็กที่ทานคู่กับแป้งพัฟ เช่น บีฟ เวลลิงตัน ไปจนถึงเมนูท้องถิ่นฝรั่งเศสอย่าง Tournedos Rossini ไปจนถึงเป็ดย่างสไตล์ยุโรป หรือจะเป็นเป็ดปักกิ่งเนื้อกรอบๆ สไตล์จีน เบอร์เกอร์หรูๆ เนื้อแน่นๆ ซักจาน ไก่งวงซอสเกรวี่ ไปจนถึงมักกะโรนีอบชีส ก็ทานคู่กันกับไวน์ได้อย่างลงตัวเลยครับ

แต่ก็มีบางกรณีที่รส Château d’Armailhac ออกไปทาง fruity หน่อย หรือเป็นวินเทจน์ที่มีการผสม Merlot ลงไปเยอะเสียหน่อย ก็จับคู่กับเมนูที่กล่าวมาข้างต้นได้ดีนะครับ แต่อาจต้องปรุงน้อยลงหน่อย เพราะรสอาจไปกลบไวน์ได้ จะเข้าได้อย่างดีเยี่ยมกับไก่อบ ไปจนถึงปลาเนื้อแน่นๆ เช่นแซลม่อน หรือปลาคอดครับ

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ
preloader