ไวน์ Veneto – ไวน์อิตาลีที่คุณมักมองข้าม
August 28, 2020
ใครชอบไวน์อิตาลี ห้ามมองข้าม Veneto โดยเด็ดขาด! เพราะไวน์อิตาลีดังๆ หลายๆ ตัว ก็มาจากผืนแผ่นดินนี้เยอะเหมือนกันครับ! Veneto อาจไม่ได้เป็นชื้อแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวนักดื่มหลายๆ คน หากพูดถึงไวน์อิตาลี เพราะคงโด่งดังสู้ Tuscany หรือ Piemonte ไม่ได้ แต่เวเนโตก็เป็นเหมือนกับม้างาน ที่ผลิตไวน์ได้เป็นจำนวนมาก นับเป็นกว่า 18% ของไวน์อิตาลีทั้งหมด แถมคุณภาพก็ดีในระดับที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียวครับ นอกจากนั้นยังผลิตไวน์อันหลากหลาย ตั้งแต่ไวน์แดงเกรด DOCG รสขม เข้มข้น แข็งแกร่ง อย่าง Amarone ไปจนถึงสปาร์คกลิ้งไวน์หอมสดชื่นอย่าง Prosecco ซึ่งล้วนแต่ถูกปลูก และผลิตในผืนแผ่นดิน Veneto ทั้งสิ้น
ไวน์แนะนำ
Veneto เป็น 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นหนึ่งในแคว้นที่เจริญที่สุด ด้วยความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวของเมืองเวนิสอันโด่งดัง แต่ก็เป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกองุ่น สำหรับ ‘ไวน์ Veneto’ (Veneto WIne) ได้ดีเยี่ยมที่หนึ่งในอิตาลี ด้วยความที่ได้เทือกเขา Alps ที่อยู่ทางเหนือสุดของภูมิภาค ปกป้องพื้นที่เพาะปลูกองุ่นจากสภาพอากาศที่หนาวรุนแรงจากยุโรปเหนือ จึงทำให้เวเนโตเหนือเหมาะกับการปลูกองุ่นขาวเช่น Garganega
ซึ่งสภาพอากาศมีความหลากหลายมาก เรียกว่า micro-climate ทำให้สามารถปลูกพันธุ์องุ่นที่หลากหลาย จนทำให้ผลิต ไวน์ Veneto ได้หลากหลายกว่าพื้นที่อื่นๆ ในอิตาลี ตั้งแต่ไวน์แดง ไวน์ขาว โรเซ่ ไปจนถึงไวน์หวาน
Amarone della Valpolicella Classico DOCG จาก Fabiano ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ มี body เเละระดับน้ำตาลที่สูง เหมาะสำหรับคนที่ชอบไวน์เข้มๆเเละหวาน
องุ่นที่นิยมปลูกใน Veneto
สำหรับองุ่นแดง ที่นิยมที่สุดใน ‘ไวน์ Veneto’ คือองุ่น Corvina และ Corvinone ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงทางสายพันธุ์ Rondinella,Molinara และ Oseleta เป็นต้น ส่วนองุ่นขาว ที่ปลูกกันเยอะๆ เลยคือ Garganega, Prosecco หรือ Glera ไปจนถึง Vespaiola ครับ
แผนผัง Veneto
จะพูดถึงพื้นที่แยกย่อยทั้งหมดในเวเนโต ก็คงจะไม่ไหว เพราะส่วนมาอิตาลีชอบแบ่งพื้นที่ยิบย่อย แค่ในเวเนโตอย่างเดียวมีพื้นที่ DOCGs ด้วยกัน 15 พื้นที่ ส่วนพื้นที่ DOC อีก 28 ที่ ซึ่งมีความซับซ้อน น่าสับสนยิ่งนัก! เราจึงขอยกมา 5 พื้นที่ ซึ่งมีความโด่งดังเรื่องไวน์อันแตกต่างกันออกไป แต่ล้วนแต่เชิดชูให้ไวน์ในพื้นที่เวเนโตโด่งดังไปทั่วโลกเลยครับ
Valpolicella
Valpolicella มีพื้นที่ประมาณ 250 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่เหนือสุดของเวเนโต ติดกับเทือกเขา Alps ไปจนถึงทางใต้ของเมือง Verona โดยฝั่งตะวันตกซึ่งติดกับทะเลสาบ Garda เป็นจุดที่มีการปลูกองุ่นมากที่สุด
โดยรวมแล้วองุ่นที่มีการปลูกมากที่สุดในพื้นที่ Valpolicella คือ Corvina, Corvinone, Rondinella และ Molinara ซึ่ง Corvina เป็นองุ่นที่ขึ้นชื่อที่สุดในพื้นที่นี้ เป็นดังตัวชูรสชาติให้ไวน์เลยก็ว่าได้ ลักษณะเฉพาะตัวของไวน์คือมีความ dry เต็มไปด้วยรสชาติของผลไม้สีแดงฉ่ำๆ รวมถึงมีโน๊ตเฉพาะตัวของเชอร์รี่เปรี้ยวๆ ด้วยครับ
โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่จะทำไวน์จากองุ่นคล้ายๆ กัน แต่สไตล์การผลิตทำให้สามารถแบ่งไวน์จาก Valpolicella ได้เป็น 4 สไตล์ ตามนี้ครับ
Valpolicella DOC รสสดชื่น ลีน ดื่มคล่อง และมีความเป็นผลไม้ชัดเจน แม้จะมีความไลท์ แต่ก็ยังคงความซับซ้อนในรสชาติไวน์ได้ครับ
Valpolicella Ripasso DOC เป็นวิธีการผลิตที่ทำการหมัก 2 ครั้ง โดยใช้เปลือกจากองุ่นเพิ่ม Tannin และความเข้มข้นลงไปในไวน์ ทำให้ไ้ไวน์ที่มีความ Full-body มากขึ้น มีรสชาติที่นุ่มลึก เข้มข้นกว่าไวน์ในแบบแรกครับ
Amarone della Valpolicella DOCG โด่งดังที่สุดในปี 1990 ซึ่งคำว่า Amarone แปลตรงตัวแปลว่า “big bitter” หรือ ‘ขมมาก’ ด้วยรสชาติอันเข้มข้นดุดัน แต่ก็สมดุลและหรูหราไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยโน๊ตของดาร์คเบอร์รี่ โกโก้ และลูกเกด ทำให้เป็นขวัญใจของนักดื่มทั่วโลก โดยทำจากกรรมวิธี appassiment ที่เอาองุ่นไปตากแดดยาวนานประมาณหลายอาทิตย์จนถึงเดือนนึงเลย จนองุ่นแห้ง แล้วจึงนำมาทำไวน์ที่เข้มข้น ระดับแอลกอฮอร์สูงถึง 17%
Recioto della Valpolicella DOCG มีกระบวนการทำคล้ายๆ กับ Amarone แต่ตากแห้งนานกว่าประมาณ 100 ถึง 200 วัน จากนั้นจึงนำองุ่นไปหมัก แต่ทำการหยุดยั้งกระบวนการทำงานของยีสก่อน เพื่อให้เหลือน้ำตาลเยอะหน่อย จนได้ไวน์หวานหอม ที่มี acidity จากธรรมชาติแสนสดชื่น
Bardolino
สำหรับใครที่อยากลิ้มลองไวน์ Valpolicella แต่อาจสู้ราคาไม่ไหว ลองมองหาไวน์ที่รองลงมาหน่อย แต่ก็ยังมีคุณภาพ รสชาติเข้มข้น เต็มไปด้วยโน๊ตของผลไม้ และเครื่องเทศอบ
ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบ Garda เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกองุ่นอย่างยิ่งด้วยสภาพอากาศอบอุ่น แสงอาทิตย์ส่องทั่วถึง และไม่ค่อยมีฝนเยอะเท่าไหร่
ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่สามารถปลูกได้อย่างดีเยี่ยมคือ Corvina, Corvinone, Rondinella และ Molinara (ตรงกับ Valpolicella) โดยมีไวน์ที่น่าสนใจ ตั้งแต่ Bardolino Classico ซึ่งทำจากองุ่นบริเวณเนินเขาทำให้ไวน์มีรสชาติที่เข้มข้นมากกว่า Bardolino ทั่วไป แต่หากใครอยากได้ไวน์ระดับท๊อปที่สูสีกับ Valpolicella เลย ต้องลอง Bardolino Superiore Classico ไวน์แดง Full-body รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน
Soave
Soave ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Verona และ Vicenza เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ขาวที่สุดในประเทศอิตาลี โดยถึงแม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งที่คุณภาพของไวน์จาก Soave ตกลง เนื่องจากผลิตแบบเน้นปริมาณไปหน่อย แต่ตอนนี้ก็กลับมาโด่งดัง เป็นที่ยอมรับอีกครั้ง ด้วยดินภูเขาไฟอุดมไปด้วยแร่ธาตุ โดดเด่นเรื่องการปลูกองุ่นขาว Garganega ซึ่งเป็นหนึ่งในองุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากในอิตาลี และนิยมเบลนด์ผสมกับ Chardonnay และ Trebbiano di Soave
รสชาติไวน์ขาวจะ Dry เฉียบคม และสดชื่น ด้วยโน๊ตอันสดใสของเลม่อน พร้อมเอกลักษณ์รสเปรี้ยวกร่อยที่ได้จากแร่ธาตุที่ปลายลิ้นทำให้ไวน์มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งหากเป็นไวน์คุณภาพดีจริงๆ จะสามารถเอจได้ยาวนานเป็นปีๆ เลยทีเดียว คุณสามารถหาได้จากกลุ่มไวน์ Soave Classico DOC ซึ่งได้จากิองุ่นที่ได้ชื่อว่าเติมโตในพื้นที่ที่เก่าแก่ที่สุดใน Soave เช่นชุมชน Monteforte d’Alpone หรือลองมองหาผู้ผลิตที่มีความเป็นมายาวนาน ชำนาญการในเรื่องการทำไวน์ขาวเช่น Pieropan และ Inama เป็นต้นครับ
Conegliano-Valdobbiadene
หากจะพูดถึงไวน์เวเนโต ก็จะต้องพูดถึง Conegliano-Valdobbiadene ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำใหไวน์เวเนโตมีความหลากหลายแบบที่หาในพื้นที่อื่นไม่ค่อยได้เลยครับ โดยพื้นที่ดังกล่าว ตั้งอยู่เหนือขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่าน Treviso และลึกเขาไปในเนินเขา Alpes จะเจอพื้นที่ไร่องุ่นที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชันที่ยังคงวิธีการปลูกองุ่นแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวด้วยมือ ไปจนถึงการเดินทางขึ้นไปสู่ไร่องุ่นที่ต้องเดินเท่าขึ้นไปเท่านั้น ทำให้ได้ขนานนามว่าเป็น “heroic viticulture” ซึ่งกว่าจะได้ผลผลิตมาก็ต้องอาศัยความพยายามอย่างสูง
แน่นอนว่าไวน์ที่ได้จากพื้นที่นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะไวน์ที่ได้คือ Prosecco ซึ่งเป็นสปาร์คกลิ้งไวน์ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในอิตาลี ทำจากองุ่น Prosecco (ปัจจุบันมักใช้อีกชื่อว่า Glera) แต่ก็มีการผสมผสานพันธุ์องุ่นท้องถิ่นอันหายากมากมาย เช่น Bianchetta, Verdiso ไปจนถึง Perera ได้รสไวน์สปาร์กลิ้งหอมชื่นใจ acidity สูง เต็มไปด้วยโน๊ตของแอปเปิ้ล แพร์ และเมล่อน แต่ก็ยังมีความนุ่มลึกด้วยกลิ่นอายของเบียร์และครีมสด
ซึ่งในบรรดา Prosecco ที่จัดว่าหาไม่ได้ง่ายๆ ที่สุดของที่สุดคือ Superiore di Cartizze DOCG เป็นองุ่นจากไร่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของหมู่บ้าน Valdobbiadene ผู้ขึ้นชื่อว่าผลิต Prosecco คุณภาพเยี่ยมที่สุดในอิตาลี
Colli Berici
อยู่บริเวณตีนเขา Alps ทางตะวันตกของเวเนโต จะเป็นพื้นที่เนินเขา Berici ซึ่งเป็นดินที่ถูกทับถมมานับล้านปี จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุ ทำให้ปลูกองุ่นได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งแองุ่นขาวและองุ่นแดง แต่ที่ขึ้นชื่อจริงๆ ก็คงหนีไม่พ้นองุ่นแดงรสชาติเข้มข้นพันธุ์ Carmenere
ปัจจุบันคนมักคิดว่า Carmenere เติบโตได้ดีในฝรั่งเศส หรือชิลี แต่แท้จริงอิตาลีได้มีการปลูก Carmenere มาอย่างยาวนาน ซึ่งจะได้ไวน์แดงรสชาติจัดจ้าน ด้วยโน๊ตของราสเบอร์รี่และพลัมชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรสพริกหยวก และเมล็ดพริกไทยเขียว อีกด้วยครับ
จับคู่ Veneto Wine กับมื้อโปรด
- Prosecco จับคู่กับอาหารได้หลากหลายมากๆ ตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อย แฮม เนื้อโควด์คัท ไปจนถึงอาหารเอเชียที่มีรสจัดรสเผ็ดต่างๆ
- Amarone della Valpolicella เป็นไวน์รสเข้มข้น แอลกอฮอร์สูง ควรจับคู่กับเนื้อสัตว์ และอาหารที่มีความหนักหน่อยเช่นสเต็กเนื้อวัว แกะ เนื้อลูกวัว ไปจนถึงเมนูพาสต้าซอสชีส ซอสคาโบนาร่า เป็นต้นครับ
ฉะนั้นครั้งหน้าหากได้ยินชื้อ ไวน์ Veneto (Veneto Wine) ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาดนะครับ เพราะนอกจากจะสามารถผลิตไวน์ในปริมาณมากได้แล้ว ยังมีไวน์คุณภาพยอดเยี่ยม ชูโรงของไวน์อิตาลีไวน์เยอะไม่แพ้ที่อื่นเลยครับ!