ต้นกำเนิดเทรนด์ไวน์เอจใต้ทะเล
June 1, 2021
ภาพทรัพย์สมบัติใต้ท้องทะเล หลับไหลอยู่ในใต้สมุทรมืดมิด รอคอยวันเวลาที่จะมีคนมาขุดพบ ดูเป็นภาพจากการ์ตูนดิสนี่ มากกว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้จริงๆ แต่เมื่อปี 2010 สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ! แต่สมบัติที่ขุดพบไม่ใช่หีบสมบัติ เงินทอง วัตถุโบราณ แต่เป็นขวดไวน์แชมเปญ… ใช่แล้วครับ ขวดไวน์ที่ถูกหลงลืมอยู่ใต้ทะเลเป็นเวลากว่า 100 ปี ถูกกดทับด้วยมวลน้ำมหาศาล ทั้งมืดและหนาวเย็น แต่กลับกลายเป็นว่าได้ไวน์รสชาติล้ำเลิศแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และกลายเป็นเทรนด์การเอจไวน์ใต้ทะเลมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าไม่พูดถึงไม่ได้แล้วครับ!
ไวน์แนะนำ
ไวน์แนะนำ
การค้นพบครั้งสำคัญ!
ในปี 2010 ได้มีการขุดค้นเรือขนสินค้าที่อัปปาง ณ ทะเลบอลติก ภายในซากปรักหักพัง นักสำรวจค้นพบขวดแชมเปญ ที่ถูกทิ้งไวน์ในเรือกว่า 168 ขวดยาวนานกว่า 170 ปี ซึ่งพอได้ลองแกะชิมแชมเปญภายใน ทุกคนก็ถึงกับตะลึง เพราะแชมเปญมีรสชาติที่สมบูรณ์มากๆ แม้แต่ฟองอากาศที่เป็นจุดขายของแชมเปญ ก็ยังคงความนุ่มละมุนลิ้น ตามมาด้วยโน้ตแสนลึกล้ำที่หาได้ยากในแชมเปญทั่วไป
โดยแม้สลากไวน์จะย่อยสลายไปแล้ว แต่จากการตรวจสอบลักษณะขวดอย่างละเอียด ทำให้รู้ได้ว่าแชมเปญขวดนี้เป็นของแบรนด์ Veuve Clicquot Ponsardin แชมเปญเฮาส์สุดคลาสสิค หนึ่งในแบรนด์ที่ดังที่สุดในโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการที่ขวดไวน์ยังมีสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้ แถมไวน์ข้างในยังไม่เสีย ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ เพราะทะเลบอลติกมีคุณสมบัติที่เหมาะสมทุกประการณ์ในการเอจไวน์ ตั้งแต่อุณหภูมิที่หนาวเย็น ประมาณ 1-3 องศาตลอดทั้งปี ไปจนถึงความลึกที่พอเหมาะ ไม่ลึกจนแรงกดทำลายขวดจนแตกสลาย แต่ลึกพอที่แสงอาทิตย์ไม่ทำให้ไวน์เน่าเสีย
โดยแชมเปญที่เอจใต้ทะเล มี iron, copper, sodium และ chlorine สูงกว่าไวน์ทั่วไปเนื่องจากโมเลกุลแร่เหล็ก และเกลือในทะเลแทรกซึมเข้าไปในขวด แต่แทบไม่เจอ acetic acid ซึ่งเป็นกรดที่จะเกิดขึ้นในไวน์ที่เน่าเสีย เป็นสัญญาณว่าไวน์นั้นดื่มได้! ซึ่งรสชาติของแชมเปญ เริ่มด้วยโน้ตนำของเนื้อสัตว์ ขนสัตว์เปียกๆ ไปจนถึงชีส แต่เมื่ออากาศเข้าไปในแชมเปญมากๆ เข้า โน้ตเปลี่ยนไปเป็นกลิ่นเครื่องเทศย่างไฟ รมควันเล็กๆ และเครื่องหนัง และที่น่าตกใจมากๆ คือแชมเปญยังแอบซ่อนกลิ่นหอมผลไม้ ดอกไม้ อยู่ในไวน์ค่อนข้างเยอะ ให้ความล้ำลึก ซับซ้อนแบบที่หาไม่ได้ในแชมเปญทั่วไป
นี่คือการค้นพบครั้งใหญ่ในวงการไวน์ บางขวดถูกส่งไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ บางขวดถูกส่งไปวิจัยเพื่อพัฒนาการเอจจิ้งใต้น้ำต่อไป ส่วนบางขวดถูกประมูล และขายในราคาที่สูงลิบกว่า 100,000 ยูโร (ประมาณ 3-4 ล้านบาท)
การเอจจิ้งไวน์ในทะเล กับไวน์ในยุคปัจจุบัน
นี่เป็นจุดประกายสำคัญ สำหรับไวน์เนอร์รี่หลายๆ แห่ง ที่ได้มีการลองนำไวน์ชั้นเยี่ยมของตนลงไปเอจใต้ทะเล เริ่มต้นที่ผู้ริเริ่มปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้อย่าง Veuve Clicquot ซึ่งได้ทำการทดลองนำแชมเปญ 350 ขวด ลงไปเอจในทะเลบอลติกลีกประมาณ 43 เมตร
นอกจากนั้นยังมีผู้ผลิตไวน์รายย่อยจาก Croatia ที่เริ่มผลิตไวน์เอจใต้ท้องทะเล และนำมาจำหน่ายเชิงพาณิชณ์ ชื่อ Edivo Vino ซึ่งเอจไวน์เกรดพรีเมี่ยมในทะเล Adriatic ณ ความลึกถึง 180 เมตร เป็นระยะเวลา 700 วัน หรือเกือบ 2 ปี
นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ผลิตบางเจ้าที่เอาไอเดียนี้ มาใช้กับไวน์ entry level ราคาไม่แพง อยากที่หลายๆ คนคาดคิด เช่น Cavas Submarinas ผู้ผลิตไวน์จากชิลี ซึ่งได้นำไวน์ไปเอจในถ่ำใต้น้ำใกล้ๆ วินยาร์ดของตน โดยทะเลชิลีแม้จะไม่ได้หนาวเท่าทะเลบอลติก แต่ก็มีกระแสน้ำเย็นที่เรียกว่า Humboldt Current พัดผ่านเข้ามาในอ่าว ทำให้เหมาะกับการเอจจิ้งไวน์ ซึ่งทางผู้ผลิตจะทำการนำไวน์ไปเอจใต้น้ำประมาณ 3-4 เดือนครับ
ซึ่งตอนนี้อาจจะยังเร็วไปนะครับ ที่จะบอกว่าไวน์ที่เอจใต้ท้องทะเล กับไวน์ที่เอจในเซลเลอร์ทั่วไป แบบไหนรสชาติดีกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ คือไวน์ที่เอจใต้ทะเล ถูกกู้ขึ้นมาจากเวิ้งทะเลลึก ดูเท่และแนวกว่าไวน์ที่เอจในตู้ธรรมดาเป็นไหนๆ!