เจาะลึกไวน์ Rhone ไวน์ที่เข้มและเร้าใจที่สุดในฝรั่งเศส
May 11, 2021
หากถามไวน์แมนว่าให้เลือกไวน์ดังจากฝรั่งเศสมา 3 แคว้น ที่แรกก็คงจะหนีไม่พ้นบอร์โดซ์ ไวน์เบลนด์สุดฮิตที่ดังไปทั่วโลก ต่อมาคือเบอร์กันดีอันสง่างาม แต่แคว้นสุดท้ายนี้สิ เป็นแคว้นที่หลายๆ คนอาจมองข้ามนั่นก็คือ Rhone Valley (โรน-วัลเล่ย์) แหล่งผลิตไวน์รสชาติเข้มข้น ดิบเถือน เร้าใจ ฉีกภาพลักษณ์ไวน์ผู้ดีฝรั่งเศสไปเลย ที่มาของ Syrah รสชาติดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า และไวน์เบลนด์โน้ตซับซ้อน กลิ่นหิน กลิ่นดิน ที่สามารถเบลนด์ไวน์แดงและไวน์ขาวเข้าด้วยกันอย่าง Chateauneuf-de-pape
ไวน์แนะนำ
ไวน์แนะนำ
รสชาติของไวน์ Rhone ด้วยความที่มีไวน์หลากหลายจึงยากที่จะเหมารวมว่าเป็นอย่างไร แต่หากจะให้ผลอธิบายลักษณะเฉพาะของไวน์ Rhone สำหรับไวน์แดง จะเป็นไวน์ที่เข้มข้นแบบติดดิน เร้าใจ เหมือนสัตว์ป่าที่ถูกกักขังในกรงพร้อมที่จะปลดปล่อยร้องคำรามออกมาทุกเมื่อ (โดยมีข้อยกเว้นที่ Cote Rotie และ Hermitage ที่ทั้งจัดจ้าน และหรูหราในเวลาเดียวกัน) จะมีโน้ตดิน หนัง เนื้อสัตว์ สอดแทรกความสไปซี่ เผ็ดร้อนของพริกไทย ส่วนทางด้านไวน์ขาวของ Rhone จะขึ้นชื่อเรื่องความ exotic กลิ่นหอมขึ้นจมูกของพีช และดอกไม้ เน้นกลิ่นหอมและรสสัมผัสละมุนมากกว่า acidity ซึ่งแตกต่างจากไวน์ขาวทั่วไปเพราะสายพันธุ์องุ่นที่ใช้จะค่อนข้างแปลก ไม่เหมือนที่อื่นครับ!
Rhone เหนือ – ใต้
Rhone เป็นแคว้นที่มีความแตกต่างกันสุดๆ จนสามารถถือว่า Rhone เหนือ และใต้ ไม่ใช่แคว้นเดียวกันยังได้เลยครับ! แต่สิ่งเดียวที่เชื่อมทางเหนือ และใต้คือแม่น้ำ Rhone ที่ไหลเรียบวินยาร์ดของ Rhone ตั้งแต่เหนือสุด จรดใต้ แคว้นดังๆ ทางเหนือก็จะมี Cote Rotie และ Cote Hermitage ลงมาทางใต้หน่อยจะมีชื่อที่หลายๆ คนคุ้นแบบ Chateauneurf du Pape หรือ Gigondas
ทางเหนือจะมีพื้นที่ที่เล็กกว่าทางใต้มากๆ เพราะอยู่ตามแนวเทือกเขา Jura จึงจะเป็นพื้นที่ที่มีวินยาร์ดเล็กๆ ตั้งแยกๆ กัน ตามเนินเขา หรือติดกับแม่น้ำ Rhone มีอากาศแบบ continental ซึ่งจะหนาวเย็น ผันผวน แต่จะได้แสงแดดเยอะในตอนกลางวัน เพราะเป็นเนินเขาที่หันหน้าเขาแสงอาทิตย์ ไวน์จากพื้นที่นี้อาจไม่ดังในเชิงพาณิชน์เท่าไวน์ของทางใต้ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นไวน์ที่รสชาติเข้มข้นที่สุดในฝรั่งเศส และราคาแพง หาตัวจับยากมากๆ ครับ!
ทางใต้จะอยู่ต่ำลงมาจนเกือบติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลายคนชอบคิดว่า 2 เขตนี้ไม่ใช่เขตเดียวกันเพราะสภาพดินและอากาศแตกต่างกันอย่างมาก โดยทางใต้จะมีอากาศแบบ Mediterranean อากาศอบอุ่น แห้ง เวลากลางวัน แต่หนาวเย็นตอนกลางคืน นิยมตั้งวินยาร์ดกระจายทั่วบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ ดังเรื่องไวน์เบลนด์ที่มีเสน่ห์รสชาติแสนซับซ้อนครับ! แต่ก็มีรสชาติเข้มข้น จัดจ้านไม่แพ้ทางเหนือเหมือนกัน!
องุ่นดังใน Rhone Valley
Rhone ไม่เหมือนเขตดังๆ หลายๆ ที่ของฝรั่งเศสที่จะปลูกองุ่นแค่ไม่กี่ชนิดวนไปวนมา เพราะแคว้นนี้มีองุ่นที่หลากหลายอนุญาตให้ปลูกใน Rhone Valley มากถึง 27 ชนิด องุ่นบางชนิดเราอาจไม่เคยคุ้นชื่อมาก่อน จึงยิ่งทำให้ไวน์ของแคว้นนี้น่าสนใจเข้าไปอีกนะครับ!
แต่หากพูดถึงว่าองุ่นอะไรที่ดังที่สุดใน Rhone แบบไม่มีข้อกังขา ทุกคนก็จะต้องนึกถึง Syrah ที่มีโน้ตพริกไทยขาวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพื้นที่ ดังมากๆ โดยเฉพาะทางตอนเหนือ และยิ่งลงมาทางใต้องุ่นจะยิ่งหลากหลายขึ้น ที่ดังๆ ก็จะมี Grenache และ Mourvedre เพิ่มเข้ามาครับ
ส่วนไวน์ขาว Rhone Valley เป็นหนึ่งในไม่กี่พื้นที่ที่ปลูกองุ่นขาวอันมีโน้ตลึกลับน่าค้นหาอย่าง Viognier นอกจากนั้นยังมีเบลนด์ของ Marsanne และ Roussanne ที่ขึ้นชื่อครับ! ซึ่งถึงแม้ว่าองุ่นขาวจะไม่ดังเท่าองุ่นแดง แต่ผู้ผลิตก็นิยมปลูกแทรกเข้าไปในวินยาร์ด จึงเป็นที่มาของเอกลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของ Rhone ที่แคว้นอื่นๆ ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามเลย!! คือ Rhone Valley อนุญาตให้เบลนด์องุ่นขาวและองุ่นแดงเข้าไปในเบลนด์ดังๆ ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น Chateauneuf-de-pape หรือ Cote-Rote ก็อาจมีเบลนด์องุ่นขาวลงไปด้วย ไม่เกิน 5-10% เพื่อเสริมกลิ่นที่หอมให้ไวน์ครับ
พื้นที่ย่อยเด่นๆ ของ Rhone Valley
เรามาเจาะลึกลงไปในแต่ละเขตดังๆ ของ Rhone กันเลยครับ! เรามีตั้งแต่ไวน์ข้มข้น หรูหราจากเหนือสุดอย่าง Cote-Rote และ Hermitage ที่แพงหูฉี่ ไปจนถึงทางใต้กับเบลนด์ Chateauneuf-de-pape อันแสนเข้มข้น เร้าใจ พร้อมตบท้ายด้วย table wine เบลนด์ทั้งเหนือ-ใต้ กับ Cotes-Du-Rhone ที่ราคาต่ำ แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันคมเข้มของ Rhone ครับ!
- Cote-Rote
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเขตปลูกไวน์ที่ทรงเกียรติที่สุดในฝรั่งเศส และในโลก ทำให้ได้ไวน์ที่มีราคาสูงอยู่ทางเหนือที่สุดของแคว้น และผลิตไวน์เข้มข้น โน้ตเอิร์ธตี้ มีกลิ่นเนื้อ ถึงใจ น่าตื่นเต้นสุดๆ ครับ โดยพื้นที่จะผลิตแค่ไวน์แดง สามารถปลูกหนึ่งใน Syrah รสชาติเข้มข้นที่สุดในประเทศเพราะเป็นวินยาร์ดบนเนินเขาสูง สภาพอากาศจึงเป็นแบบร้อนจัดสลับหนาวเย็น แถมได้แดดเยอะ ซึ่งเหมาะกับ Syrah มากๆ ซึ่งมีพื้นที่เนินเขาปลูกองุ่นดังๆ ชื่อว่า Cote Brune และ Cote Blonde โดย Syrah ที่มาจาก Cote Brune จะทรงพลังและมีแทนนินสูง ส่วน Cote Blonde จะหรูหรา สดชื่นกว่า จึงมีผู้ผลิตบางคนนิยมนำองุ่นจาก 2 พื้นที่มาผสมกันทำให้เกิดไวน์ที่ทั้งเข้ม ทั้งหรู เป็นหนึ่งใน hidden gem ของฝรั่งเศสที่คอไวน์สายแข็งต้องลองให้ได้ซักครั้งนะครับ!
- Hermitage
เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ทรงเกียรติไม่แพ้กัน! แม้จะเป็นหนึ่งในเขตย่อยทางตอนเหนือของ Rhone ที่มีเนื้อที่เล็กที่สุด เพียงประมาณ 300 เอเคอร์เท่านั้น (เล็กกว่าวินยาร์ดใหญ่ๆ บางแห่งในแคลิฟอร์เนียอีกครับ) แต่มีดินที่แร่ธาตุสูง ร่วนซุย เป็นก้อนกรวดผสมหินปูน และเป็นเจ้าของ Syrah รสเข้มข้น เบอร์รี่สุกงอมผสมควัน หนัง เนื้อสัตว์ป่า จนหลายๆ คนกล่าวว่าเป็นรสาติไวน์ที่ ‘แมน’ ที่สุดในฝรั่งเศส คมเข้ม ดุดัน รุนแรง
Fact – แต่ก่อนไวน์จาก Hermitage เป็นอะไรที่ exclusive มากๆ ราคาแพงที่สุด! แพงกว่าบอร์โดซ์หรือเบอร์กันดีซะอีกนะครับ สมัยก่อนถึงขนาดมีดราม่าว่าไวน์บอร์โดซ์ดังๆ บางตัวแอบเอาองุ่นจาก Hermitage ไปผสมในบอร์โดซ์เบลนด์เพื่อเพิ่มความ bold เลยนะครับ! ซึ่งตอนนี้ Hermitage ก็ยังแพงอยู่แต่จับต้องได้มากขึ้นครับ
- Chateauneuf-de-pape
นับว่าเป็นชื่อที่ดังที่สุดใน Rhone ผลิตไวน์เบลนด์แสนโด่งดังในชื่อเดียวกัน Chateauneuf-de-pape เป็นเมืองชนบทเล็กๆ เกือบใต้สุดของ Rhone มีอากาศอบอุ่นตามแบบฉบับของเมดิเตอร์เรเนียน แต่สิ่งที่ทำให้วินยาร์ดของ Chateauneuf แตกต่างจากที่อื่นคือหน้าดินจะถูกปกคลุมด้วยหิน และเม็ดกรวดก้อนมน ช่วยกักเก็บความร้อนได้อย่างดีเยี่ยมทำให้องุ่นสุกงอมรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้ยากต่อการดูแล และเตรียมไร่จนขึ้นชื่อว่าเป็นไร่องุ่นที่ให้ผลผลิตน้อย (ให้ผลผลิตต่อไร่น้อยกว่าบอร์โดซ์เกือบ 2 เท่า)
โดยรสชาติของไวน์แดงเบลนด์ Chateauneuf แตกต่างจากไวน์ฟรุ๊ตตี้ สดใสทั่วไปของเมดิเตอร์เรเนียนตรงที่จะมีความจัดจ้าน ฉูดฉาด ซับซ้อน โน้ตดิน หนัง เนื้อสัตว์ ผสมน้ำมันดิบ และหิน เหตุผลสำคัญเลยคือ Chateauneuf ไม่นิยมเอจในถังโอ๊ค ทำให้ไม่ค่อยมีกลิ่นไม้ หรือวานิลลาที่ไวน์แดงส่วนมากจะมี แต่จะเน้นโน้ตดินและหินมากกว่า จึงนับเป็นไวน์ที่มีโน้ตที่แมนมากๆ ครับ
Fact – Chateauneuf เป็นไวน์เบลนด์ที่มีอิสระมาก สามารถเบลนด์องุ่นได้สูงสุดถึง 14 พันธุ์ เช่น หลักๆ จะเป็น Grenache, Syrah, Mourvedre, Cinsault และสามารถเบลนด์องุ่นขาวอย่าง Bourboulenc และ Roussanne เข้าไปด้วย
- Gigondas
สำหรับใครที่คิดว่า Chateauneuf-de-pape เข้มข้นเกินไป สามารถลองไวน์จากเพื่อนบ้าน Gigondas ที่อยู่เหนือที่สุดของ Rhone ตอนใต้ ปลูก Gernache และ Syrah ได้ดี เน้นไวนแดงเบลนด์ที่ก็ยังมีความเข้มข้น หนักแน่น แต่ดื่มง่ายกว่า โน้ตราสเบอร์รี่ หนัง เครื่องเทศ ในราคาที่ถูกกว่า Chateauneuf
- Tavel
เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ตรมข้ามกับ Chateauneuf-de-pape เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ดังเรื่องโรเซ่ที่สุดในฝรั่งเศส โดยจะผลิตแต่โรเซ่สีชมพูแซลม่อนที่ยังคงคอนเซ็ปต์รสชาติเข้มข้น จัดจ้าน โน้ตพริกไทยอ่อนๆ กลิ่นหอมเบอร์รี่ขึ้นจมูก รสชาติสดชื่น ดื่มง่ายแต่ไม่น่าเบื่อครับ
- Cotes-Du-Rhone / Cotes-Du-Rhone-Villages
ประมาณ 70% ของไวน์ทั้งหมดจาก Rhone จะถูกจัดอยู่ภายใต้ชื่อนี้นะครับ ซึ่งไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมาจากพื้นที่ไหนเฉพาะใน Rhone เน้นองุ่นคุณภาพระดับกลาง นำมาเบลนด์กันทำเป็นไวน์ที่อาจมีกลิ่นอายของไวน์ดังๆ อย่าง Chateauneuf หรือ Cote-Rote แต่อาจเข้มข้นไม่เท่า และราคาจะถูกลงกว่าเท่าตัว ดื่มง่ายสไตล์ everyday drinking ครับ
tips – หากเทียบกันแล้ว Cotes-Du-Rhone-Villages จะจัดว่าคุณภาพสูงกว่า Cotes-Du-Rhone เล็กน้อย แต่สำหรับผู้ผลิตบางคนอาจเหมารวมเป็น Cotes-Du-Rhone-Villages ไปเลย ก็ต้องดูของแต่ละแบรนด์นะครับ
จบไปแล้วนะครับกับแคว้น Rhone Valley หวังว่าหลายๆ คนจะเริ่มหันมาสนใจไวน์ฝรั่งเศสที่อยู่นอกเหนือบอร์โดซ์ เบอร์กันดี หรือแชมเปญกันมากขึ้นนะครับ! ซึ่งหากใครอยากรู้เรื่องถึงเรื่องราวของไวน์เนอรี่ดังๆ ใน Rhone Valley ซึ่งมีมากมาย แต่ที่ดังระดับโลกจริงๆ ไวน์แมนขอยกให้ M. Chapoutier ที่มีไวน์ตั้งแต่เกรดดื่มง่าย ราคากันเอง ไปจนถึง Cote-Rotie หรือ Hermitage แสนเข้มข้น อย่าลืมติดตามอ่านกันต่อไปได้เลยครับ!!