fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

7 หญิงทำไวน์ มีอิทธิพลที่สุดในโลก

July 12, 2021

หลายคนอาจคิดว่างานทำไวน์ เป็นงานของผู้ชาย เพราะเป็นงานที่เหนื่อย ต้องลงแรงปลูกองุ่น ดูแลไร่ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไปจนถึงขั้นตอนการผลิต และควบคุมคุณภาพที่เหมือนกับต้องอุทิศชีวิต กินนอนอยู่ที่วินยาร์ดตลอดเวลา

แต่ในบรรดาผู้ผลิตไวน์สมัยใหม่หลายๆ ท่าน เริ่มมีผู้หญิงแกร่งไม่น้อยเลยที่เข้ามาทำหน้าที่ที่เคยเป็นของผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็น Winemaker ไปจนถึง Cellarmaster และทำหน้าที่นี้ได้ดีเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และเป็นแรงขับเคลื่อนของวินยาร์ดดังๆ ทั้งในฝรั่งเศส ชิลี และออสเตรเลียอีกด้วยครับ วันนี้ไวน์แมนจึงอยากพูดถึงไวน์วูแมนทั้ง 7 คนที่ได้เฉิดฉายอยู่บนเวทีไวน์โลกอย่างสง่างามครับ

 

ไวน์แนะนำ

Saskia de Rothschild
Chairwoman of Domaines Barons de Rothschild Lafite

แม้อาจจะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบการผลิตไวน์โดยตรง แต่การที่ Saskia de Rothschild ก้าวขึ้นมาเป็นหัวเรือหลักให้ Château Lafite Rothschild หนึ่งในวินยาร์ดที่ดังที่สุดในโลก ก็ทำให้วงการไวน์ฮือฮาสุดๆ เพราะนอกจากเธอจะเป็นเจ้าของวินยาร์ด First Growth คนแรกที่เป็นผู้หญิง และด้วยวัยเพียง 33 ปี เธอยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย!

โดยเธอไม่ได้ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ด้วยการเป็นทายาทตระกูล Rothschild อย่างเดียวครับ เพราะ Saskia ได้เรียนรู้ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับวินยาร์ด ตั้งแต่ Oenology, viticulture ไปจนถึงเรื่องการควบคุมคุณภาพ และโลจิสติกส์ ซึ่งไม่ใช่งานเบาๆ เลยครับเพราะวินยาร์ดในเครือ Rothschild นี้มีทั้งหมด 8 แห่ง ตั้งอยู่ใน 3 ทวีป โดย Saskia ได้นำพาโฉมใหม่ที่โมเดิร์นกว่าเดิมเข้ามาสู่ Lafite เริ่มจากเอาแพชชั่นเรื่องการเขียนหนังสือของเธอมาโปรโมทแบรนด์ ออกหนังสือ Château Lafite: The Almanac รวมวินเทจที่ยอดเยี่ยมพร้อมเรื่องราวเบื้องหลังความพยายามในการเป็นสุดยอดทางด้านไวน์

Susana Balbo
Winemaker / Founder of Susana Balbo, Argentina

ด้วยสมญานาม ‘ราชินีแห่ง Torrontés’ Susana Balbo พิสูจน์ว่าเธอเป็นหนึ่งในแม่แบบของผู้หญิงที่บุกเบิกวงการไวน์ ด้วยการที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่จบการศึกษาด้าน oenologist (การทำไวน์) จากอาร์เจนตินาในปี 1981 โดยตอนแรกเธอคิดจะเรียนด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์ แต่ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่มั่นคงทำให้ด้วยวัยเพียง 17 ปี เธอเปลี่ยนแนวมาเรียนการผลิตไวน์ จบการศึกษามาด้วยเกรดท็อป ฝึกฝนทุกด้านที่เกี่ยวกับไวน์กว่า 9 ปี ที่วินยาร์ดดังใน Cafayate ก่อนที่ในปี 1999 เธอจะมีวินยาร์ดเป็นของตนเองได้สำเร็จตามใจฝัน ซึ่งพูดได้เลยว่าเธอใช้เวลาถึง 6 ปีอุทิศทุกอย่างให้กับการผลิตไวน์ที่ดีที่สุด

ด้วยใจรักในการผลิตไวน์ และความห่วงใยแบบคุณแม่ จึงทำให้เธอได้รับการคัดเลือกให้เป็น ‘President of Wines of Argentina’ ในปี 2006 พร้อมๆ กับที่วินยาร์ด Susana Balbo ค่อยๆ มีชื่อเสียง เริ่มจากในท้องถิ่น ไปสู่ระดับนานาชาติ เป็นไวน์ที่ได้รับการส่งออกมากที่สุดอันดับที่ 5 ของอาร์เจนตินา กวาดรางวัล คะแนน 90++ จาก James Suckling และเซียนไวน์ทุกสถาบัน โดดเด่นที่ความเข้มข้น จัดหนักจัดเต็มของ Malbec และ Cab ครับ

Sandrine Garbay
chief winemaker / cellarmaster of Chateau d’Yquem, France

ถ้าหลายคนคิดว่าผู้หญิงที่รับตำแหน่ง Winemaker น้อยแล้ว ลองมาดูผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น Cellarmaster หรือที่ฝรั่งเศสเรียกกันว่า ‘maître de chai’ ก่อนแล้วกันครับ จำนวนยิ่งน้อยสุดๆ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Sandrine Garbay ผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกที่เป็น Cellarmaster ของวินยาร์ดระดับ grand cru classé ซึ่งก็ไม่ใช่ Cru ธรรมดาๆ นะครับ แต่เป็น Chateau d’Yquem เจ้าของไวน์หวานบอร์โดซ์ดีกรี Grand Premier Cru ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในไวน์ที่ผลิตยากที่สุดในโลก

Garbay เริ่มจากศึกษาไวน์ในเชิงเทคนิคๆ ด้วยวัย 27 ปี เธอได้ทำวิจัยจนได้ PhD ด้าน oenology ซึ่งได้เปิดโอกาสให้เธอเข้าไปทำงานกับ Chateau d’Yquem เริ่มจากเป็นนักวิจัยในแล็บ ก่อนที่จะได้ลงสนาม ดูแลด้านคุณภาพใน Cellar ซึ่งแม้ความรู้ด้านทฤษฎีของเธอจะแน่นสุดๆ แต่ Garbay ก็ยังต้องมาเรียนด้านการปฎิบัติใหม่หมด แถมยังต้องทำงานกับผู้ชายที่ผลิตไวน์มาหลาย 10 ปี กว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ก็ต้องอาศัยเวลาหลายปีทีเดียว แต่เธอก็ทำได้สำเร็จ ซึ่งความภาคภูมิใจที่สุดของเธอคือการพัฒนาไวน์ซิกเนเจอร์ของชาโตว์ อย่าง Y ‘Ygrec’ ให้มีความสดชื่น เฉียบคมขึ้น ด้วยการควบคุมระดับ sulphur ในไวน์ให้ลงตัว ซึ่งแสดงออกชัดเจนในวินเทจ 2002 และ 2004 ที่แม้เป็นปีที่อากาศไม่ค่อยเป็นใจ ยากต่อการควบคุมคุณภาพ แต่เธอก็สามารถผลิตไวน์หวานรสเฉียบขาดออกมาได้

Véronique Drouhin
Winemaker of Joseph Drouhin, France

Joseph Drouhin ถือเป็นหนึ่งในวินยาร์ดที่ใหญ่ที่สุดในเบอร์กันดี เจ้าของทำเลทองใน Chablis ไปจนถึง Côte de Beaune ดีกรีวินยาร์ด Premier และ Grand Crus มีความเป็นมาตั้งแต่ปี 1880 ซึ่งตอนนี้วินยาร์ดแทบทั้งหมดของแบรนด์ถูกดูแล ควบคุมโดยลูกสาวคนโตประจำตระกูล Véronique Drouhin ซึ่งได้สืบทอดแพชชั่น ความทุ่มเทในการเรียนรู้ และทำงานในวินยาร์ดจาก Robert Drouhin ผู้เป็นพ่อของเขานั่นเองครับ 

โดยบททดสอบครั้งใหญ่ของ Véronique Drouhin เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1988 เมื่อพ่อของเธอตัดสินใจก่อตั้ง Domaine Drouhin วินยาร์ดบุกเบิกของรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา และวินเทจแรกของ Domaine Drouhin ก็อยู่ภายใต้การดูแลของ Véronique ซึ่งเธอสามารถใช้ทักษะที่เรียนรู้จากเบอร์กันดี มาปรับให้เข้ากับสภาพพื้นที่ของโอเรกอนได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมอาวุธลับของเธอคือประสาทการรับรสที่เฉียบคมจนได้ฉายาว่าเป็น ‘Guardian of the Drouhin Palate’ พัฒนาไวน์ขึ้นมาทุกวินเทจ จนตอนนี้เธอได้ควบคุมการผลิตไวน์ทั้งในเบอร์กันดี และโอเรกอน มากถึง 30 กว่าวินเทจ และสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนสำหรับการผลิตไวน์ในพื้นที่ cool-climate จนในปี 2019 เธอได้รางวัล Légion d’Honneur อันเป็นหนึ่งในรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดในหมู่ผู้ผลิตไวน์ฝรั่งเศส  

Andrea León
Technical Director/Winemaker of Lapostolle, Chile

Lapostolle เป็นยักษ์ใหญ่ประจำชิลี เริ่มต้นกิจการเมื่อปี 1994 โดยครอบครัว Lapostolle ครอบครัวฝรั่งเศสที่เริ่มจากการผลิต ‘บรั่นดีคอนญัก’ ก่อนที่จะมาผลิตไวน์ในทำเลทองของ Colchagua ตอนกลางประเทศ Chile ซึ่งแน่นอนว่าผู้ดูแลการผลิตของวินยาร์ดใหญ่ขนาด 2,000 กว่าไร่ จะต้องขึ้นชื่อว่าเป็นเซียนจริงๆ ซึ่งเซียนคนนั้นเธอมีชื่อว่า Andrea León นักผลิตไวน์รุ่นแรกๆ ของชิลี ทำงานในวินยาร์ดดังทั่วโลกตั้งแต่ในแคลิฟอร์เนีย ยุโรป ไปจนถึงนิวซีแลนด์ ก่อนจะกลับมาที่บ้านเกิดตัวเอง เริ่มจากพัฒนาไวน์ให้กับวินยาร์ด Odfjel ก่อนจะมาร่วมกับ Lapostolle ในปี 2004 ซึ่งเธอเป็นผู้ริเริ่มนำเทรนด์การผลิตไวน์ออร์แกนิกเข้ามาสู่ Lapostolle โดยถือคติ ‘Less is more, clean and lean’ เน้นไปที่สภาพพื้นที่ และวินเทจ คติที่มีอยู่ทั้งในไวน์เกรด table wine ไปจนถึงไวน์สุดพรีเมี่ยมเลยครับ!

Pauline Lhote
Winemaker of Domaine Chandon in Napa Valley, USA

Pauline เติบโตมาในแคว้นแชมเปญ เธอจึงถูกรายล้อมด้วยสปาร์คกลิ้งไวน์มาตั้งแต่เด็ก เธอจึงใฝ่ฝันว่าจะเป็นไวน์เมกเกอร์ด้วยวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น โดยเธอได้กล่าวไว้เลยว่า ‘หากไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับไวน์ ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอะไร’ เพราะการผลิตสปาร์คกลิ้งไวน์เป็นแพชชั่นอันดับหนึ่งของเธอ หลังจากเรียนจบ เธอเริ่มฝึกงานกับ Moet & Chandon เลย ซึ่งพอดีเป็นช่วงที่กำลังมีการขยายแบรนด์ไปสู่ประเทศต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ เธอจึงได้ข้อเสนอครั้งสำคัญสุดท้าทาย เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลสู่แคลิฟอร์เนีย ในฐานะไวน์เมกเกอร์ของ Chandon สาขาอเมริกา ซึ่งจากเดิมที่เธอควรอยู่ฝึกงานประมาณ 3 เดือน เธอกลับเอ็นจอยมากๆ และอยู่ต่อมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันกลายเป็นหัวหน้าด้านการผลิตสปาร์คกลิ้งไวน์ไปเลยครับ

Sarah Marquis
Owner / Chief Winemaker of Mollydooker, Australia

Mollydooker เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์เลือดใหม่สุดแนวที่ครองใจนักดื่มทั่วโลก เคยเป็นที่รู้จักในนามวินยาร์ดของคู่สามีภรรยา แต่เมื่อทั้งคู่แยกทางกัน ในปี 2017 ภรรยา Sarah Marquis ได้ตกลงเป็นเจ้าของคนเดียวของ Mollydooker ขณะที่สามีไปเริ่มต้นโปรเจ็คใหม่ แต่ก็ไม่มีใครกังขาในความสามารถในการจัดการวินยาร์ดแต่เพียงผู้เดียว เพราะเธอมีทีมที่มากความสามารถ พร้อมกับลูกๆ ทั้ง 2 ที่เริ่มมาช่วยงานในวินยาร์ดแล้ว

โดยย้อนกลับไปหลังจากซาร่าเรียนจบด้าน Oenology เธอเริ่มทำงานกับวินยาร์ดดังทั่วออสเตรเลีย ก่อนจะมาตั้ง Mollydooker กับสามี ด้วยแพชชั่นเรื่องการผลิตไวน์ เธอจึงรับหน้าที่ดูแลด้านการผลิตไวน์ทั้งหมด พร้อมกันนั้นไอเดียที่ทำ label ไวน์ให้สนุกสนาน ขี้เล่น อย่าง Verdelho ‘The Violinist’ หรือ Shiraz ‘The Boxer’ อันเป็นเอกลักษณ์อันดับ 1 ของ Mollydooker ก็ตั้งต้นมาจากไอเดียของเธอ จึงทำให้นอกจากรับตำแหน่งเจ้าของ ดูแลการผลิตไวน์ ยังแอบเป็น creative director ประจำวินยาร์ด จึงเรียกว่าแทบจะทุกส่วนของวินยาร์ด เธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมดครับ! 

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ