รวมวินยาร์ดสุดขั้ว ที่คุณต้องไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง
November 2, 2020
จากยอดเข้าสูงเฉียดฟ้า สู่เกาะภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น ไปจนถึงหนึ่งในเกาะที่สันโดษที่สุดในโลก คงเป็นสถานที่ท้ายๆ เลยที่คุณจะคาดเดาว่ามีวินยาร์ดปลูกองุ่นผลิตไวน์คุณภาพแอบซ้อนตัวอยู่ ขอให้ลืมภาพเก่าๆ ของวินยาร์ดฝรั่งเศส หรืออิตาลี ที่ปลูกองุ่นเป็นแถวๆ ตามเนินเขาเรียบรุดไปก่อนนะครับ เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจ Most Extreme วินยาร์ดสุดขั้ว ในทั่วทุกมุมโลกกันเลยครับ!
ไวน์แนะนำ
(1) Pure Land & Super-High Altitude Vineyard – วินยาร์ดที่สูงที่สุดในโลก
เรียกว่าเป็นวินยาร์ดสูงเฉียดฟ้า ด้วยระดับความสูงกว่า 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลในเขตปกครองทิเบต เขต Cai Na Xiang เมือง Lhasa โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยผลผลิตแต่ละวินเทจ ก็ได้มาอย่างยากลำบาก เพราะจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศแบบสุดโต่ง ตั้งแต่สภาพแล้งในฤดูใบไม้ร่วง แสงแดดที่รุนแรงและพายุฤดูร้อน น้ำแข็งที่จะเริ่มเกาะในฤดูใบไม้ร่วง และพายุทรายในหน้าหนาว ทำให่้ต้องอาศัยเทคโนโลยีและการดูแลอย่างใกล้ชิดกว่าที่จะได้ไวน์มาซักขวดครับ แต่ผลที่ออกมาก็ดีอย่างเกินคาด เพราะสามารถปลูกองุ่นได้มากมายถึง 11 ชนิด ตั้งแต่ Muscat รสชาติเฉียบคม ไปจนถึงองุ่นสายพันธุ์ท่องถิ่นที่ไม่มีที่อื่นอีกแล้วอย่าง Bei Bing Hong องุ่นชั้นเยี่ยมที่สามารถนำมาทำเป็น ice wine คุณภาพเยี่ยม
(2) Lanzarote la Geria Vineyard – วินยาร์ดที่ปลูกริมภูเขาไฟ
ตั้งอยู่ใจกลางเกาะ Canary ในมหาสมุทรแอตแลนติก ประเทศสเปน ซึ่งเป็นหมู่เกาะแสนแปลกประหลาด ดินเป็นสีดำเทา ผสมผสานระหว่างหินกรวดและตะกอนภูเขาไฟที่เรียกว่า picón จึงอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ แต่เกาะ Canary จะมีความแห้งสูงมาก ปริมาณน้ำฝนต่อปีมีน้อยมากๆ จึงต้องอาศัยการปลูกองุ่นที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ครับ นั้นคือการขุดหลุมเป็นทรงกรวยสำหรับองุ่น 1 เถา ปลูกเป็นหลุมแยกๆ เหมือนปลูกองุ่นบนดวงจันทร์อย่างไรอย่างนั้น! ส่วนองุ่นที่ได้เป็นสายพันธุ์ Malvasía เป็นหนึ่งในองุ่นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จุดเด่นคือเป็นองุ่นที่มีรสชาติหวานโดดธรรมชาติ
(3) Vin de Tahiti – วินยาร์ดกลางเกาะเขตร้อน
ลองนึกภาพหาดทรายขาวสวยละเอียด อุดมไปด้วยต้นมะพร้าว แต่สามารถปลูกองุ่น ทำไวน์คุณภาพเยี่ยมได้?! ที่นี่คือ Vin de Tahiti ที่ตั้งอยู่ในเกาะ Rangiroa ใจกลางหมู่เกาะ Tuamotus แห่งTahiti ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยดินทรายสีขาวร่วนมีส่วนผสมมาจากการทับถมของปะการัง ทำให้มีแร่ธาตุสูงและให้กลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในการปลูกองุ่นสไตล์พอลินีเชีย ได้ไวน์ปีละกว่า 40,000 ขวด จากองุ่น Carignan, Italia และ Muscat กลิ่นซิตรัสและผลไม้เขตร้อน ผสมกับรสแร่ธาตุที่ปลายลิ้น
(4) Olkiluoto Nuclear Power Vinyard – วินยาร์ดที่อยู่เหนือที่สุด และติดกับโรงงานพลังงานนิวเคลียร์
ตั้งอยู่ในละติจูดที่อยู่เหนือที่สุดเมื่อเทียบกับวินยาร์ดอื่นๆ ที่ประเทศฟินแลนด์ เกาะ Olkiluoto ซึ่งถือว่าอยู่ในวงกลมอาร์กติก ด้วยอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการปลูกองุ่น แต่ด้วยความที่วินยาร์ดตั้งอยู่ริมโรงงานไฟฟ้า ที่ทำให้ดินมีความอุ่นขึ้น และยังได้รับน้ำจากโรงงานที่ปล่อยทิ้งลงในทะเลบอลติก ทำให้สามารถปลูกองุ่น zilga ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นทางเหนือ สามารถทนอากาศที่หนาวเย็นได้เป็นอย่างดีครับ
(5) Bishop’s Vineyard – วินยาร์ดในสุสาน
อันนี้อาจจะไม่ได้แปลกในเชิงลักษณะดิน หรือสภาพอากาศนะครับ แต่เป็นวินยาร์ดที่ตั้งอยู่ในสุสานบริเวณเมือง Oakland รัฐ California โดยความคิดนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2000’s เมื่อราคาที่ดินเริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้ผลิตไวน์จึงมีความคิดที่จะนำต้นองุ่นไปปลูกแทรกเข้าไปในสุสาน 3 แห่ง ได้แก่ Holy Sepulchre, Holy Cross และ St. Joseph’s ตอนแรกก็ผลิตไวน์เพื่อการกุศล แต่ต่อมาเริ่มขยายกิจการเป็นเชิงพานิชน์ภายใต้แบรนด์ Bishop’s Vineyard นำเสนอไวน์สไตล์แคลิฟอร์เนียสุดคลาสสิค ตั้งแต่ cabernet sauvignon, zinfandel ไปจนถึง Chardonnay ครับ
(6) Le Domaine du Val D’Argan – วินยาร์ดโอเอซิสกลางทะเลทราย
ในทะเลทรายอันแห้งแล้งของแคว้น Essaouria ประเทศโมร็อคโคมีวินยาร์ดสไตล์ยุโรปตั้งอยู่ ซึ่งเจ้าของต้องการพิสูจน์ว่าไวน์สไตล์ฝรั่งเศสใต้ พื้นที่ Rhone Valley ในผืนแผ่นดินแอฟริกา ทดลองปลูกไปๆ มาๆ ก็เลยมาตั้งที่โมร็อคโคแห่งนี้ ที่บังเอิญสามารถปลูกองุ่นแดงสไตล์ Chateauneuf du Pape รสชาติเข้มข้น จัดจ้านจาก Grenache, Syrah และ Mourvedre ทำให้เป็นไร่องุ่นไม่กี่แห่งที่ในโลกที่ใช้อูฐในการพาทั่ววินยาร์ดครับ