ไวน์มีวันหมดอายุรึเปล่า?
March 17, 2021
นี้อาจเป็นคำถามของหลายๆ คนอาจกำลังมีอยู่ หรือหากคุณไม่เคยสงสัยเลย ก็ควรจะลองนึกถึงซักนิดนะครับ เพราะแม้ว่าไวน์จะสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าน้ำผลไม้อื่นๆ อย่างมาก เอจจิ้งได้อย่างยาวนานหลายปี แต่ไวน์ก็มีวาระ มีอายุขัยของมันเอง เช่นเดียวกับทุกๆ สิ่งในโลกครับ ฉะนั้นวันนี้ไวน์แมนจะมาตอบข้อสงสัยของใครๆ หลายๆ คนว่า ‘ไวน์มีวันหมดอายุหรือไม่?’ ‘ดูยังไงว่าไวน์ตัวไหนหมดอายุแล้ว?’ ซึ่งบอกเลยครับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับคอไวน์หลายๆ คนครับ
ไวน์แนะนำ
ไวน์แนะนำ
วันหมดอายุของไวน์
ไวน์ส่วนใหญ่ไม่ได้ระบุวันหมดอายุไว้ชัดเจน เหมือนกับนม หรือน้ำผลไม้ทั่วไปนะครับ แต่วันหมดอายุอาจถูกกำกับไวน์ในคำที่เขียนว่า “best by” หรือ “drink by” แล้วจึงตามด้วยปี โดยเฉพาะกลุ่มไวน์แดงที่มีคุณภาพ มักจะเก็บได้นาน และระบุไว้ด้วยว่าหากเก็บถึงปีนี้ รสชาติจะพัฒนาได้อย่างดีที่สุด นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณจึงเห็นหลายๆ คนเก็บไวน์ไว้จนฝุ่นจับนะครับ
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ไวน์ทุกตัวที่สามารถทำแบบนี้ได้นะครับ เพราะหากเป็นไวน์ขาว หรือไวน์แดง light-mid bodied (อาจมีข้อยกเว้น เช่น pinot noir ของ Burgundy ที่สามารถเอจจิ้งได้อย่างยาวนาน) ที่เน้กลิ่นฟรุ๊ตตี้โดดเด่น คุณก็ไม่ควรเก็บไวน์ไว้ดื่มอีก 10-20 ปีข้างหน้านะครับ
ฉะนั้นหลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการกำหนดวันหมดอายุของไวน์คือ
- ไวน์ขาว: สามารถเก็บได้ +1-2 ปีต่อจากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลาก
- ไวน์แดง: สามารถเก็บได้ +2-3 ปีต่อจากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลาก
- ไวน์คุณภาพเยี่ยม Fine Wine (ยกตัวอย่างเช่น Château Lafite-Rothschild และ Château Pétrus) : สามารถเก็บได้ +10-20 ปี
วันหมดอายุ สำหรับไวน์ที่เปิดแล้ว
มาพูดถึงอายุขัยของไวน์ เมื่อเราทำการเปิดขวดไวน์ เพื่อทำการดื่มแล้วกันเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าไวน์ของคุณจะมีอายุที่สั้นลงอย่างมาก หลักจากอากาศเข้าไปทำปฎิกิริยากับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในไวน์เรียบร้อย
- สปาร์คกลิ้งไวน์: 1–2 วัน*
- ไวน์ขาว light-bodied และโรเซ่: 4–5 วัน*
- ไวน์ขาว mid-full bodied : 3–5 วัน*
- ไวน์แดง : 3–6 วัน*
- ไวน์หวาน: 3–7 วัน*
- พอร์ตไวน์: 1–3 อาทิตย์*
*นี้เป็นอายุขัยของไวน์ที่ถูกเก็บไวน์ในตู้เย็นทั่วไปนะครับ โดยหากมี wine stopper หรือตู้เก็บไวน์คุณภาพเยี่ยม ก็อาจบวกอายุของไวน์ที่ถูกเปิดแล้วไปอีกประมาณ 5-7 วันขึ้นอยู่กับคุณภาพของอุปกรณ์ของคุณครับ
วิธีการดูว่าไวน์เสียแล้ว!
โดยวิธีการแยกแยะไวน์ดี ไวน์เสีย สำหรับหลายคนที่เพิ่งเรียนรู้ที่จะดื่มไวน์ อาจจะยากหน่อยเพราะไวน์มีรสชาติตั้งต้นที่คล้ายองุ่นเน่าอยู่แล้ว จึงมีข้อสังเกตง่ายๆ มาให้คุณดูกันเลยครับ
สีของไวน์เปลี่ยนไป โดยส่วนมาก หากไวน์มีสีเข้มข้น จนดูไม่คุ้นตา เช่นไวน์แดง อาจเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลอมม่วง หรือไวน์ขาว กลายเป็นสีเหลืองเข้มอมน้ำตาล แสดงว่าไวน์เริ่มพังแล้วครับ
มีฟองเล็กๆ ขึ้น (กรณีที่ไม่ใช่สปาร์คกลิ้งไวน์) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณอาจเก็บไวน์ไว้นาน ในอุณหภูมิที่ร้อนเกิน ทำให้มีการหมักรอบที่สองเกิดขึ้น
มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นี้อาจเป็นการแยกแยะที่ชัดเจนที่สุด
- หากคุณเปิดขวดไวน์ แล้วทิ้งไว้นานเกิน ไวน์จะมีกลิ่นเหม็น คล้ายน้ำส้มสายชู คล้ายซอสแอปเปิ้ลที่เน่าๆ
- หากไวน์ยังไม่เสียซะทีเดียว แต่เริ่มเสียรสชาติไป ไวน์จะเริ่มออกกลิ่นถั่วเก่าๆ หรือบางคนก็อธิบายกลิ่นนี้ว่าเป็นมาชเมโลไหม้ๆ ก็ได้ครับ
- หากเสียเพราะเก็บในขวดนานจะมีกลิ่นกระเทียม กะหล่ำปลี หรือกลิ่นยางที่ถูกเผาไหม้