ไฟป่าทำลายไวน์ California ครั้งนี้แรงกว่าเดิม
July 16, 2021
เป็นเรื่องน่าเศร้าใจของเหล่าผู้รักไวน์ที่ต้องมาเจอข่าวความรุนแรงของไฟป่าในรัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหากใครจำได้ ไวน์แมนเคยเขียนถึงไฟป่าเมื่อปีที่แล้วว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐเลยก็ว่าได้ แต่เชื่อไหมครับ!! ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในปีนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะรุนแรงกว่าปีที่แล้วอีกเป็นเท่าตัว โดยพื้นที่กว่า 91,000 เอเคอร์ ถูกกลืนหายเข้าไปในกองเพลิง มีคำสั่งในผู้อยู่อาศัยอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วนเพื่อที่เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคลุมกองเพลิงและเพื่อความปลอดภัย บ้านเรือนกว่า 20 หลังและสิ่งก่อสร้างอื่นๆเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาใน Doyle โดยเหตุการณ์นี้สร้างความหวั่นวิตกต่อความเสียหายต่อวินยาร์ดหลายร้อยไร่ในพี้นที่ดังกล่าวด้วยครับ
ปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าใน California 2021 รุนแรงสุดๆ
อย่างที่ไวน์แมนบอกไว้ตั้งแต่แรกว่าที่ California เกิดไฟป่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ว่าปีนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมาเนื่องจาก 3 ปัจจัยหลักๆ อย่างแรกคือคลื่นความร้อนที่เคลื่อนเข้ามาในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือทำให้พื้นที่ดังกล่าวรวมไปถึงไร่องุ่นที่อยู่ในภูมิภาคต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด อย่างที่สองตอนนี้ California กำลังเผชิญกับความแห้งแล้งอย่างรุนแรง โดย 100 เปอร์เซ็นต์ของรัฐอยู่ภายใต้สภาวะแห้งแล้งอย่างผิดปกติ รวมถึงพื้นที่กว้างใหญ่ของแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ที่ห้อมล้อมเมือง Napa และ Sonoma ซึ่งอุณหภูมิในตอนนี้ได้ทุบสถิติความร้อนโลกเป็นปีที่สอง ตามรายงานล่าสุดพุ่งสูงถึง 54.4 องศาเซลเซียส!! เรียกได้ว่าร้อนสุดๆเลยล่ะครับ และสุดท้ายคือผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change)
หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่าไฟป่าครั้งนี้ทั้งแรงและเร็วมาก เหมือนกับการยิงปืนเพียงนัดเดียวก็สามารถเปลี่ยนบ้านทั้งหลังให้เป็นเศษซากในกองเพลิงได้เลย หากถามว่าเร็วและแรงขนาดไหน ก็ขนาดที่มีเทอร์นาโดที่เป็นไฟเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูดไฟขึ้นจากพื้นจนเห็นเป็นเหมือนพายุเพลิง

ซึ่งจากปัจจัยทั้งหมด Climate Change ถือเป็นข่าวร้ายที่สุดเนื่องจากเป็นแนวโน้มว่าปีต่อๆ ไปไฟป่าจะมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วินยาร์ดต่างๆ ในแคร์ลิฟอร์เนีย เช่น Christine Clair เจ้าของ Willamette Valley บอกว่าปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลต่อธุรกิจการผลิตไวน์ใน California เป็นอย่างมาก ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเหล่าโรงบ่มไวน์ทั่วโลกต่างเริ่มหาทางรอดให้กับธุรกิจตัวเองด้วยการย้ายไปยังโซนที่มีความเย็นกว่า อย่าง Oregon, Washington, Newyork หรือมุ่งลงใต้ไป Texas ที่มีอากาศร้อนไปเลย แต่ไม่มีไฟป่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้ปลูกไวน์บางกลุ่มที่ยังมีความเชื่อมั่นที่จะทำไร่องุ่นต่อไปในพื้นที่เดิมครับ
สิ่งที่ผู้ปลูกไวน์ต้องแบกรับและเผชิญจากผลของฤดูไฟป่า
Ryan Klobas ผู้เป็น CEO ของ Napa Farm Bureau หนึ่งในฟาร์มที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อปีที่แล้วถึงขั้นกล่าวว่า ผู้ปลูกองุ่นทำไวน์ส่วนมากไม่มีประกันจึงไม่สามารถการันตีได้ว่าพวกเขาจะได้รับการชดเชยความเสียหายจากไฟป่า ดังนั้นหากผู้ปลูกองุ่นคนใดที่ได้รับผลกระทบจากปีที่แล้วไปเต็มๆแล้วยังโดนผลกระทบของปีนี้ไปอีกด้วย ก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะล้มเลิกกิจการไปเลยก็ได้ เพราะว่ามันสาหัสจริงๆ
พูดถึงเรื่องการทำประกันของไร่องุ่นแล้วนั้น ทราบไหมครับว่าเจ้าของโรงบ่มไวน์หลายแห่งต่างวิ่งหาบริษัทเพื่อต่อสัญญาประกันภัยกันให้วุ่น แต่พวกเขากลับต้องพบว่าเรื่องการขอต่อประกันภัยนั้นถูกปฏิเสธจากบริษัทประกันหลายแห่ง ในเมือง Sonoma สมาชิก 100 จาก 400 คน ของสำนักงานฟาร์ม Bureau ได้รับแจ้งว่าบริษัทประกันจะไม่ทำการต่อสัญญาประกันภัยให้แก่ Napa Valley Register อีกต่อไป นอกจากนั้นเจ้าของโรงบ่มไวน์หลายแห่งใน Napa ก็กำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันอยู่
เหตุผลที่บริษัทประกันปฎิเสธการต่อสัญญากับเจ้าของโรงบ่มไวน์หลายแห่งนั่นก็เพราะว่ามีความเสี่ยงที่จะขาดทุน ต้องเยียวยาค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมหาศาลเพราะดูเหมือนว่าไฟป่าจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในทุกปีนับตั้งปี 2017 เป็นต้นมา ยกตัวอย่างเช่น Risk Strategies บริษัทประกันในพื้นที่ดังกล่าวถึงกับเอ่ยว่า มีโรงบ่มไวน์ 180 แห่งที่เรียกร้องค่าทดแทนจากเหตุไฟป่ากว่า 22 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นจึงเป็นการดีต่อบริษัทที่จะไม่รับความเสี่ยงนั้นเอาไว้
หนทางการช่วยเหลือผู้ปลูกไวน์ และความหวังในอนาคต
Napa Valley Vintners association (NVV) ซึ่งเป็นความพยายามในการช่วยเหลือเหล่าผู้ปลูกไวน์ในระดับภูมิภาค มีเป้าหมายในการควบคุมอัคคีภัยในพื้นที่ดังกล่าว Rex Stults รองประธานฝ่ายอุตสาหกรรมสัมพันธ์ของ NVV ได้กล่าวว่า จากประสบการณ์ไฟป่าที่ผ่านมาทำให้พวกเขาไม่สามารถนั่งรออยู่เฉยๆและภาวนาให้ไฟป่านั้นจบลง พวกเขาต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ด้วยเหตุนี้ NVV จึงได้จัดตั้งคณะกรรมการไฟป่าจำนวน 50 คน พร้อมด้วยคณะทำงานสามกลุ่ม กลุ่มแรกให้หาวิธีจะทำให้เจ้าของไร่องุ่นปกป้องไร่ของพวกเขาจากไฟป่าให้ได้ กลุ่มที่สองคือกลุ่มผจญเพลิง และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มที่จะต้องวิธีหาการหยุดต้นตอหรือเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดไฟป่าให้ได้
เอาเป็นว่าสถานการณ์ในช่วงนี้ค่อนข้างตึงเครียดเลยทีเดียวครับ ยังไงก็คงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดและไวน์แมนก็หวังว่าไฟป่าจะสงบลงและสถานการณ์ก็กลับมาดีขึ้นในเร็ววันครับ!