fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

Brunello di Montalcino เพชรยอดมงกุฎของ Tuscany

July 6, 2021

Tuscany คือหนึ่งในแคว้นที่โด่งดังเรื่องไวน์ที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ใจกลางประเทศในช่วงที่ทั้งดินและอากาศเป็นใจ ทำให้ปลูกหนึ่งในองุ่นที่ปลูกยากที่สุดในโลกอย่าง Sangiovese ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยส่วนมากเรารู้จัก Chianti Classico หรือ Super Tuscan กันแล้ว แต่คราวนี้มาทำความรู้จัก Brunello di Montalcino ไวน์สุดเอ็กคลูซีฟแห่ง Tuscany มาจากพื้นที่เล็กๆ ในเมือง Montalcino นำเสนอที่สุดของ Sangiovese ที่นอกจากจะคงเสน่ห์ Nuance กลิ่นหอมซับซ้อนในไวน์ไว้อย่างครบ ยังขึ้นชื่อเรื่องความทรงพลัง หนักแน่นเสียยิ่งกว่า Chianti ตัวไหนๆ เลยครับ 

 

ไวน์แนะนำ

โดย Brunello ดีๆ ซักขวด รสชาติจะหรูหรา และทรงพลัง แม้จะเอจยาวนานพัฒนาโน้ตเอิร์ธตี้อันแสนซับซ้อน แต่ก็จะไม่เสียความสดชื่นของโน้ตผลไม้ รสชาติคล้ายกับการนำความสดชื่น acidity แสงลงตัวจาก Chienti มาผสมกับโครงสร้างแสนหนักแน่นของ Super Tuscan จึงทำให้หลายๆ คนยกให้ Brunello เป็นที่สุดของไวน์ Tuscany

สิ่งที่ทำให้ Brunello di Montalcino พิเศษสุดๆ

– Brunello แปลว่า ‘the nice dark one’ ฉะนั้นอย่างแรกเลยที่โดดเด่นออกมาคือสีที่จะเข้มกว่า Sangiovese ตัวอื่นๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ผลิตนิยมแช่ไวน์กับเปลือกองุ่นนานกว่าปกติ

– ทำจาก Sangiovese 100% ซึ่งแตกต่างจากไวน์ส่วนมากในทัสคานี ซึ่งเปรียบเทียบกับ Chienti Classico ที่ใช้ Sangiovese เป็นเบลนด์หลัก อย่างต่ำที่สุด 80% แต่ก็ยังอนุญาตให้ผสม Cabernet Sauvignon / Merlot หรือองุ่นท้องถิ่นอื่นๆ เข้าไปเพื่อเสริมโครงสร้างให้กับไวน์ ในขณะที่ Brunello มั่นใจว่าแค่ Sangiovese อย่างเดียว ก็มีความเข้มข้นเพียงพอแล้วครับ

– Brunello ต้องอาศัยระยะเวลาในการผลิตยาวนานมากๆ โดย Brunello ธรรมดาต้องอาศัยการเอจจิ้งอย่างต่ำ 2-5 ปี ในถังโอ๊ค และต้องเอจในขวดต่อประมาณ 5 เดือน (Chienti ทั่วไปเอจอย่างต่ำ 2-3 ปีเท่านั้นเอง) โดยหากเป็น Reserva จะต้องเอจนานขึ้นไปอีกถึง 3-6 ปีเลยทีเดียว

– Brunello มีศักยภาพในการเอจจิ้งต่อในขวดสูงสูงมากๆ จึงเป็นอีกหนึ่งไวน์ที่เซียนไวน์มักซื้อมาเก็บสะสมเพื่อพัฒนารสชาติ หรือเพิ่มมูลค่าครับ

– ตัว Sangiovese ที่ถูกคัดเลือกมาทำ Brunello เองก็มีความพิเศษสุดๆ เพราะเป็นสายพันธุ์องุ่นที่ถูกโคลนนิ่งมาจาก Sangiovese หลายๆ สายพันธุ์รวมกัน และไม่มได้มาจาก Sangiovese ที่ถูกโคลนนิ่งจาก Chianti เหมือน Sangiovese ที่ถูกปลูกที่อื่น จึงมีหลายๆ คนที่ถือว่าองุ่นที่ใช้ใน Brunello di Montalcino ไม่ใช่สายพันธุ์ Sangiovese แต่แยกออกมาเป็นสายพันธุ์องุ่น ‘Brunello’ เลยนั่นเองครับ (ด้วยความที่ผมไม่อยากให้สับสนกัน จึงคงชื่อองุ่นเป็น Sangiovese ส่วน Brunello เป็นชื่อไวน์นะครับ)

รสชาติของ Brunello di Montalcino

Sangiovese เป็นองุ่นเก่าแก่ เช่นเดียวกับ Pinot Noir ทำให้มีสายพันธุ์องุ่นย่อย หรือกลายพันธุ์เยอะมาก ทำให้ Sangiovese ที่แย่ กับดี แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว โดย Sangiovese ของ Brunello ขึ้นชื่อว่ามีรสชาติเข้มข้นที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นหอมสดชื่นฟรุ๊ตตี้ ทั้งชุ่มฉ่ำ เข้มข้น Savory อย่างไม่น่าเชื่อ โน้ตหลักคือจะออกไปทาง ‘ดาร์คฟรุ๊ต’ แบล็คเบอร์รี่ แบล็คเชอร์รี่ แบล็คราสเบอร์รี่ต่างๆ ผสมผสานช็อคโกแล็ต ดอกไวโอเล็ท อบเชย ซึ่งยิ่งเอจนาน 10+ ปี ความเอิร์ธตี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างโน้ตของเครื่องหนังที่ตากแดด มะเดื่อแห้ง หรือเฮเซลนัท ซึ่งรสสัมผัสจะเข้มข้น ทรงพลัง แทนนินชัดเจนตอนไวน์ยังอายุน้อย แต่เมื่อผ่านการเอจจิ้งอย่างดี ไวน์จะมีรสสัมผัสที่นุ่มลื่น แทนนินกำมะหยี่ ขมอมหวานกึ่งๆ ช็อคโกแล็ตอะไรประมาณนั้นเลยครับ

ซึ่งตอนนี้ Brunello di Montalcino ถูกแบ่งออกเป็น 2 สไตล์หลักๆ สไตล์คลาสสิคที่มาจากผู้ผลิตสุดเก๋านิยมเอจไวน์ในถังโอ๊คเก่าของสโลวาเกียขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งคาแร็คเตอร์ของโอ๊คจะไม่ผสมลงไปในไวน์เยอะ ทำให้คาแร็คเตอร์จของ Sangiovese ชัดเจน ในขณะที่ผู้ผลิตยุคโมเดิร์นจะนิยมเอจไวน์ในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศส ซึ่งเป็นถังโอ๊คใหม่ กลิ่นของไม้โอ๊คจะชัดเจนทำให้ไวน์มีกลิ่นวานิลลาหวานๆ แทรกเข้ามาเล็กน้อย

ทำเลทองแห่ง Montalcino

ตัวอย่างสภาพดินแบบ Galestro

ซึ่งหากใครถามว่า ทำไม Brunello ถึงสุดยอดขนาดนี้ คำตอบของผมคือโลเคชั่นเลยครับ ซึ่งจะไม่พูดถึงไม่ได้! ด้วยความที่ Montalcino เป็นเมืองเก่า ที่มีการทับซ้อนของดินแสนหลากหลาย ตั้งแต่หินปูน และดินเหนียวที่ผสมกันจนมีลักษณะพิเศษเรียกว่า Galestro มีเพียงเนินเขาบางแห่งใน Tuscany เท่านั้น หาที่อื่นแทบไม่ได้เลยครับ! โดยจะเป็นกึ่งดินกึ่งหิน ลักษณะเป็นแผ่นขาวๆ ก่อตัวเป็นชั้น แร่ธาตุสูง ระบายน้ำดี แถมรากองุ่นสามารถเจาะลงไปสู่ชั้นดินเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงหินผลึกและดินภูเขาไฟที่เสริมแร่ธาตุ ทำให้ได้องุ่นที่มีรสชาติเข้มข้นซับซ้อน

รวมถึงเป็นพื้นที่เนินเขาที่ค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลถึง 550 เมตร ยิ่งทำให้องุ่นได้รับแสงแดดอย่างเต็มอิ่ม  แถมยังมีแนวภูเขาหินค่อยป้องกันฝนตก ลูกเห็บและสภาพอากาศแปรปรวนที่มักเกิดขึ้นในพื้นที่ยกสูงอีกด้วยครับ จะมีก็เพียงหมอกอ่อนๆ ที่ชอบจับตัวกันในช่วงเช้าๆ อันมีผลช่วยบาลานซ์ไม่ให้องุ่นเสีย acidity ไปหมด ทำให้ได้องุ่นที่ทั้งเข้มข้น และยังเต็มไปด้วยความเฉียบคม ซับซ้อน

Ferruccio Biondi Santi ผู้ให้กำเนิด Brunello

Franco Biondi เจ้าของวินยาร์ด Biondi Santi winery

Brunello di Montalcino ไม่ได้ถือว่าเป็นไวน์เก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโรมันอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะครับ เพราะแต่ก่อน Montalcino นิยมปลูกไวน์ขาว ไวน์หวานมากกว่า โดยหากใครอยากดื่มไวน์แดง จะนิยมดื่มไวน์แดงบอร์ดี้ไม่หนักมากจาก Chianti แต่ประมาณปี 1870 เจ้าของวินยาร์ดคนหนึ่งใน  Montalcino ผู้มีชื่อว่า Ferruccio Biondi Santi ได้แหกทุกกฎ และนำ Sangiovese สายพันธุ์พิเศษ (ได้มาจากการโคลนนิ่งองุ่น Sangiovese ดั้งเดิม) ของเขามาเริ่มปลูกใน Brunello ซึ่งสมัยนั้นอิตาลีนิยมไวน์แดง light-mid bodied แต่ Ferruccio กลับผลิตไวน์แดงอันแสนทรงพลัง หมักองุ่นรวมกับเปลือก แถมเอจจิ้งยาวนาน ซึ่งสมัยก่อนแทบไม่มีในไวน์อิตาลีเลย! จึงเกิดกระแสต่อต้านค่อนข้างเยอะ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปความนิยมดื่มไวน์รสเข้มข้น ซับซ้อน ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในปี 1980 Brunello di Montalcino ได้ถูกคัดให้เป็นไวน์ดีกรี DOCG อย่างเป็นทางการไวน์แรกของอิตาลีเลยครับ!

โดยตอนนี้ไวน์ Brunello di Montalcino ของ Biondi Santi กลายเป็นหนึ่งในสมบัติของชาติอิตาลีไปแล้ว ซึ่งวินเทจที่ดีที่สุดเอจเก็บไว้เป็นร้อยปี ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอย่างหวุดหวิด และเป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณภาพสุดพรีเมี่ยมของ Brunello ที่ยังคงความซับซ้อน อ่อนไหว อย่างครบถ้วนแม้เวลาจะผ่านไปยาวนานขนาดไหนก็ตามครับ

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ